สื่อมะกันไม่รายงาน! คนหลายพันชุมนุมในสหรัฐฯ ร้องหยุดมอบอาวุธให้ยูเครน-ยุบทิ้งพันธมิตรนาโต้

พวกผู้ชุมนุมต่อต้านสงครามหลายพันคน เดินขบวนบนท้องถนนในวอชิงตัน เมื่อวันอาทิตย์ (19 ก.พ.) ประท้วงนโยบายกระหายสงครามของรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกร้องรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน หยุดมอบอาวุธแก่ยูเครน และยุบทิ้งพันธมิตรทหารนาโต้ ตามรายงานของอาร์ทีนิวส์ สื่อมวลชนรัสเซีย และเพรส ทีวี สำนักข่าวอิหร่าน ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

การประท้วงใหญ่สุดเกิดขึ้นที่อนุสรณ์สถานลินคอล์น ในวอชิงตัน ดี.ซี. สถานที่สัญลักษณ์สำคัญของพวกนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอเมริกา ในขณะที่ประชาชนแห่แหนเข้าร่วมชุมนุมทั่วประเทศที่ใช้ชื่อว่า "ความโกรธแค้นต่อเครื่องจักรสงคราม (Rage Against The War Machine)"

พวกผู้ประท้วงที่เข้าร่วมชุมนุมถือป้ายข้อความต่อต้านสงคราม เรียกร้องการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ขอให้สหรัฐฯ หยุดมอบความช่วยเหลือทางการเงินและด้านการทหารแก่เคียฟ และเบี่ยงงบประมาณของกระทรวงกลาโหมไปสนับสนุนด้านอื่นๆ ที่มีความจำเป็นภายในประเทศมากกว่า

นอกจากนี้ พวกผู้ประท้วงต่อต้านสงครามยังเรียกร้องให้ยุบพันธมิตรทหารนาโต้ โดยกล่าวโทษองค์กรแห่งนี้สำหรับสงครามอันน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นทั่วโลก

นิค บรานา จากพรรคพีเพิลส์ ปาร์ตี และอังเจลา แม็คอาร์เดิล จากพรรคลิเบอร์ตาเรียน ปาร์ตี ให้คำจำกัดความการชุมนุมครั้งนี้ว่าเป็นโอกาสที่แกนนำทั้งหลายและบรรดานักปราศรัยจากทั่วทุกจุดยืนทางการเมืองของสหรัฐฯ จะได้ร่วมมือกัน ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวา สำหรับยุติสงครามในยูเครน

รอน พอล สมาชิกสภาคองเกรสระดับสูงของสหรัฐฯ และอดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ของพรรคลิเบอร์ตาเรียน ปาร์ตี เป็นหนึ่งในคนที่ขึ้นบนเวทีชุมนุม และเน้นว่า "หนทางง่ายๆ ที่จะหยุดสงครามคือหยุดยั้งเฟด และไม่ส่งผู้คนไปยังสงคราม จนกว่าจะได้รับความเห็นชอบ"

"ถ้าคุณไม่สามารถพิมพ์เงิน คุณไม่สามารถเก็บภาษีด้วยการทำให้ค่าเงินเสื่อมลงและขโมยความมั่งคั่งไปจากประชาชน สร้างความตกอกตกใจแก่ประชาชนคนชั้นกลางและคนยากจน เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ต้องจ่ายเงินสำหรับเรื่องนี้อย่างแท้จริง เมื่อนั้นคุณก็จะไม่มีสงคราม" พอลระบุ

"ทำไมประชาชนต้องร่วมสงครามด้วย?" พอลตั้งคำถาม ก่อนตอบคำถามด้วยตนเองว่า "ถ้าคุณคิดว่าคุณอยากมีสงคราม จงมีการโหวตและทำให้แน่ใจว่ามันเป็นการลงมติของประชาชนอายุระหว่าง 8 ถึง 24 ปี เพราะคนกลุ่มคนเป็นกลุ่มได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด"

ทูลซี แกบบาร์ด อดีตสมาชิกหญิงแห่งสภาคองเกรส และผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี กล่าวกับฝูงชนเช่นกัน โดยเท้าความถึงสาเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจลงสมัครในปี 2020 อ้างว่าเป็นเพราะไม่มีผู้สมัครคนใดที่มีความตั้งใจพูดถึงอันตรายต่างๆ ที่เกิดจากสงครามเย็นและการแข่งขันสะสมอาวุธรอบใหม่ที่อาจเกิดขึ้น

"ไม่ถึง 2 ปีหลังจากสิ่งที่ฉันเคยเตือนเมื่อตอนนั้น เวลานี้มันกลายเป็นจริงแล้ว สงครามตัวแทนที่เรากำลังสู้รบกับรัสเซียในตอนนี้ อาจกลายเป็นความขัดแย้งโดยตรงระหว่างสหรัฐฯ นาโต้กับรัสเซียได้ทุกเมื่อ" เธอเตือน "ถ้าใครพอจะมีสามัญสำนึกเสียหน่อย ก็จะรู้ว่าสงครามเย็นสามารถเปลี่ยนเป็นสงครามร้อนได้ทุกเวลา ในความขัดแย้งกับประเทศติดอาวุธนิวเคลียร์ชาติหนึ่ง"

เดนิส คูชินิช อดีตสมาชิกสภาคองเกรส ซึ่งเคยสมัครชิงตัวแทนพรรคเดโมแครต สู้ศึกทำเนียบขาวในปี 2004 และ 2008 อ้างถึงรายงานทิ้งระเบิดของ ซีย์มอร์ เฮิร์ช นักข่าวสืบสวนสอบสวนคนดังเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ชาวสหรัฐฯ เรียกร้องความรับผิดชอบจากรัฐบาลอเมริกา

"ในการระเบิดท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม รัฐบาลนี้ใช้วิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ทำลายทรัพยากรพลังงานที่จำเป็นสำหรับปกป้องหลายล้านชีวิตในยุโรประหว่างฤดูหนาว จากนั้นทำกำไรจากการกระทำผิดกฎหมาย ด้วยการขายพลังงานแก่ยุโรปในราคาที่สูงขึ้น 4 ถึง 6 เท่า" คูชินิช กล่าว "เรารู้ทุกอย่างที่คุณทำ เราจะไม่หยุดจนกว่าคุณจะถูกลงโทษโดยสภาคองเกรส ศาลอาญาระหว่างประเทศและประชาชนชาวอเมริกา ในศึกเลือกตั้งคราวต่อไป"

คูชินิช ชี้ให้เห็นถึงพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของทำเนียบขาว ในการให้ข้อมูลผิดๆ และบิดเบือนข้อมูล ใช้สื่อมวลชนในทางที่ผิด เป็นเครื่องไม้เครื่องมือปลุกปั่นความหวาดกลัวและความเกลียดชังในหมู่ประชาชนของตนเอง เร้าอารมณ์ความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทั่วทุกอุดมการณ์ทางการเมือง และโหมกระพือความเกลียดชังต่างแดนผ่านการโกหก หลอกลวง ปฏิบัติการจัดฉากป้ายสีและยั่วยุ ซึ่งเป็นการดูหมิ่นประชาธิปไตยเป็นอย่างยิ่ง

มีการชุมนุมแบบเดียวกันในเมืองบาธ และเมืองเวสต์บรูค รัฐเมน โดยเป็นการประท้วงต่อต้านการที่สหรัฐฯ ส่งมอบอาวุธหลายพันล้านดอลลาร์ ไปให้ยูเครนสู้รบกับรัสเซีย ขณะที่กลุ่มสันติภาพต่างๆ และองค์กรอื่นๆ ที่เข้าร่วมชุมนุมเรียกร้องให้ขอยุบองค์กรนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ และลดงบประมาณด้านการทหารของอเมริกา

(ที่มา : อาร์ทีนิวส์/เพรสทีวี)