เอเจนซีส์ - สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ระบุขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือทดสอบแบบกะทันหันเมื่อวันเสาร์ (18 ก.พ.) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ และเกิดขึ้นหลังจากโสมแดงขู่ตอบโต้ขั้นเด็ดขาดต่อการซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้กับอเมริกาที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น คือขีปนาวุธข้ามทวีปฮวาซอง-15 ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความไว้วางใจได้ของการป้องปรามด้วยนิวเคลียร์อันทรงพลังของเกาหลีเหนือ
เกาหลีใต้ อเมริกา และญี่ปุ่น ตลอดจนถึงกลุ่มประเทศมั่งคั่ง จี7 และสหภาพยุโรป (อียู) พร้อมใจประณามการทดสอบที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันเสาร์อย่างรวดเร็ว
ตามรายงานของสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือในวันอาทิตย์ (19 ก.พ.) ขีปนาวุธฮวาซอง-15 ที่ปล่อยจากท่าอากาศยานนานาชาติเปียงยาง ขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 5,768.5 กิโลเมตร และเคลื่อนที่ได้ไกล 989 กิโลเมตรในเวลา 4,105 วินาที ก่อนพุ่งสู้เป้าหมายอย่างแม่นยำในบริเวณที่กำหนดไว้ในน่านน้ำเปิดของทะเลตะวันออกแห่งเกาหลี ซึ่งหมายถึงทะเลญี่ปุ่น
ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงเมื่อวันเสาร์ว่า ขีปนาวุธดังกล่าวใช้เวลาเดินทางนาน 66 นาทีก่อนตกลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น และอาจเคลื่อนที่ได้ไกลถึง 14,000 กิโลเมตร ซึ่งหมายความว่า อาจโจมตีได้ถึงทุกพื้นที่ในอเมริกา
เคซีเอ็นเอเสริมว่า การทดสอบครั้งนี้มีขึ้นอย่างกะทันหันโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า และได้รับอนุมัติเป็นการส่วนตัวจากคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ก.พ.) เกาหลีเหนือขู่ตอบโต้เด็ดขาดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนสำหรับการซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้กับอเมริกาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้เพื่อปรับปรุงการรับมือกรณีที่เกาหลีเหนือโจมตีด้วยนิวเคลียร์ ทว่า เปียงยางระบุว่า การซ้อมรบดังกล่าวเป็นการเตรียมทำสงคราม
เคซีเอ็นเอสำทับว่า การทดสอบแบบกะทันหันนี้เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างชัดเจนถึงความไว้วางใจได้ของการป้องปรามด้วยนิวเคลียร์อันทรงพลังของเกาหลีเหนือ อีกทั้งระบุว่า คิมยกย่องการทดสอบนี้ว่า แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทำสงครามจริงของหน่วยไอซีบีเอ็มที่พร้อมเคลื่อนที่และอาจตอบโต้กลับ
แอนคิต แพนดา นักวิเคราะห์ในอเมริกา ชี้ว่า การทดสอบล่าสุดมีความสำคัญเนื่องจากกิจกรรมดังกล่าวถูกสั่งการกะทันหันในวันเดียวกับที่ทำการทดสอบ จึงไม่ใช่การทดสอบปกติ แต่เป็นการฝึกซ้อม และคาดว่า จะมีการฝึกซ้อมในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก
ยัง มู-จิน ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือศึกษาในโซล มองว่า การทดสอบนี้แสดงให้เห็นว่า เปียงยางมีระบบที่สามารถยิงแม้แต่ขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ที่ใช้เชื้อเพลิงเหลวได้ในเวลาไม่ถึงวันภายหลังการสั่งการที่ไม่มีการประกาศออกมาและโดยปราศจากการวางแผนล่วงหน้า
เขายังเตือนว่า ดูเหมือนสถานการณ์ความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้าจะแย่ลงกว่าเดิม เนื่องจากคาดว่า เกาหลีใต้และอเมริกาจะเดินหน้าซ้อมรบร่วมกันต่อไป และเปียงยางจะตอบโต้อย่างรุนแรง
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เกาหลีขณะนี้อยู่ในจุดต่ำสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา หลังจากโสมแดงประกาศตนเป็นประเทศนิวเคลียร์ที่เปลี่ยนกลับไม่ได้ และคิมเรียกร้องให้เพิ่มการผลิตอาวุธแบบยกกำลัง ซึ่งรวมถึงนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี
ด้านประธานาธิบดียุน ซอกยอล ของเกาหลีใต้ ตอบโต้ด้วยการกระชับความร่วมมือกับพันธมิตรความมั่นคงสำคัญอย่างอเมริกา และประกาศขยายการซ้อมรบ รวมทั้งปรับปรุงข้อเสนอป้องปรามของอเมริกาที่ครอบคลุมถึงทรัพยากรนิวเคลียร์
ในวันอาทิตย์ คิม โย-จอง โฆษกเกาหลีเหนือและเป็นน้องสาวของคิม อ้างว่าความเคลื่อนไหวของโซลและวอชิงตันทำให้สถานการณ์อันตรายขึ้นทุกขณะ และทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค พร้อมเตือนว่า เปียงยางจะจับตาความเคลื่อนไหวของศัตรู และดำเนินการตอบโต้อย่างรุนแรงมากต่อทุกความเคลื่อนไหวที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเกาหลีเหนือ
พัค วอน-กอน ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยอีฮวา แสดงความเห็นว่า เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการยั่วยุอย่างเข้มข้นขึ้นของเกาหลีเหนือ ซึ่งแตกต่างจากปีที่แล้วที่การทดสอบขีปนาวุธเป็นส่วนหนึ่งของแผนการทางทหารระยะ 5 ปี แต่ครั้งนี้เปียงยางแสดงออกชัดเจนว่า จะตอบโต้วอชิงตันและโซล
พัคทิ้งท้ายว่า การแสดงออกอย่างก้าวร้าวยิ่งขึ้นของเปียงยางอาจบ่งชี้ว่า สถานการณ์ภายในเกาหลีเหนือแย่ลง โดยเมื่อเร็วๆ นี้เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เตือนว่า เกาหลีเหนืออาจเผชิญการขาดแคลนอาหารอย่างหนักหลังจากโดดเดี่ยวตัวเองเพื่อสกัดโควิด