ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพฤหัสบดี (12 ม.ค.) ได้แรงหนุนจากมุมมองในแง่บวกต่อแนวโน้มอุปสงค์ในจีน และข้อมูลราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลงผิดคาด ปัจจัยหลังนี้ผลักวอลล์สตรีทปิดบวก และทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ ปิดที่ 78.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 1.36 ดอลลาร์ ปิดที่ 84.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ดัชนีผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลง 0.1% และบ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อเวลานี้อยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างยั่งยืนแล้ว ขณะเดียวกัน ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความเคลื่อนไหวเปิดเศรษฐกิจของจีน ชาติผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ หลังจากยุติข้อจำกัดสกัดโควิด-19 ช่วยเพิ่มความหวังต่ออุปสงค์ทางพลังงาน
พวกนักลงทุนมองว่าข้อมูลผู้บริโภคสหรัฐฯ เป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบสำหรับเงินเฟ้อ และปัจจัยนี้เองที่ผลักให้ราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (12 ม.ค.) แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 19.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,898.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (12 ม.ค.) ปิดบวก หลังราคาผู้บริโภคที่ลดลงในเดือนธันวาคมช่วยเพิ่มความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจลดความก้าวร้าวลงในความเคลื่อนไหวปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 216.96 จุด (0.64 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,189.97 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 13.56 จุด (0.64 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,983.17 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 69.43 จุด (0.64 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,001.10 จุด
ราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคมลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง ช่วยเพิ่มความหวังว่าเวลานี้ภาวะเงินเฟ้ออาจอยู่ในช่วงขาลงอย่างยั่งยืนแล้ว
"นักลงทุนส่วนใหญ่กำลังมองเห็นเงินเฟ้ออ่อนตัวลง นั่นเป็นสัญญาณในแง่บวก และผมคาดหมายว่ารายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียนจะออกมาอย่างเหมาะสม" แกรี แบรดชอว์ นักวิเคราะห์จากบริษัทฮอดจ์ส แคปิตอล แมนเนจเมนท์ ในดัลลัส รัฐเทกซัส กล่าว
บรรดาสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ หลายแห่งมีกำหนดเผยแพร่รายงานผลประกอบการในวันศุกร์ (13 ม.ค.) ถือเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลเผยแพร่รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 สำหรับบรรดาบริษัทจดทะเบียนในเอสแอนด์พี 500
(ที่มา : รอยเตอร์)