ในชีวิตสมรสและชีวิตครอบครัว ทั้งสองฝ่ายต้องคอยสนับสนุนซึ่งกันและกัน แต่หากคนหนึ่งคนใดต้องทำงานหนักเพียงฝ่ายเดียว มันก็ยากจะก้าวเดินต่อไปได้ ดังเช่นสตรีรายหนึ่งในจีน ซึ่งก่อประเด็นถกเถียงบนสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อเธอถูกสามีจับได้แอบนัดพบชายอื่น แต่พอฟังเหตุผลแล้วก็ทำเอาหลายคนเลือกข้างไม่ถูก หลังเธออ้างว่าที่ทำเช่นนี้เพราะต้องหาเลี้ยงครอบครัว เนื่องจากฝ่ายสามีเอาแต่งอมืองอเท้าไม่ทำอะไรเลย
ผู้หญิงรายที่แต่งงานแล้วรายหนึ่ง ในมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน นัดพบกับชายแปลกหน้าในรถ แต่ถูกสามีจับได้ ณ ที่เกิดเหตุและใช้ท่อนไม้ขู่ทั้งคู่ให้รถจากรถ ทว่าฝ่ายภรรยาพูดตอบโต้ใส่หน้าอย่างตรงไปตรงมาว่า "ฉันกำลังหาเงินเลี้ยงครอบครัว" เรื่องราวที่ก่อประเด็นถกเถียงบนสื่อสังคมออนไลน์
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม สามีพบภรรยาอยู่กับชายแปลกหน้ารายหนึ่งในรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างถนน ทั้งคู่กำลังนั่งตรงเบาะหลังในการออกเดทกัน และพอเห็นภาพบาดตาบาดใจ ก็ทำเอาฝ่ายสามีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใช้ท่อนไม้เคาะกระจกรถแล้วตะโกนว่า "ลงมา ถ้าแกไม่ลงมา ฉันจะทุบรถ" จากนั้นพอภรรยาลงจากรถ เขาก็ถามอีกฝ่ายว่าทำไมเธอถึงทำเช่นนี้ ซึ่งฝ่ายภรรยาตอบกลับว่า "ทั้งหมดนี้ก็เพื่อครอบครัว หาเงินเลี้ยงครอบครัว
ในข้อเท็จจริงพบว่า สามีรายนี้ไม่ยอมทำอะไรเลยตลอดทั้งวัน ยกเว้นแต่กิน ดื่มและสนุกสนานไปวันๆ และด้วยชีวิตครอบครัวไม่เป็นที่น่าพอใจ ฝ่ายภรรยาจึงไม่มีทางเลือกจึงต้องขายเรือนร่างของเธอหาเงินเลี้ยงครอบครัว
หลังจากได้ยินเช่นนั้น แทนที่จะฉุกคิด ฝ่ายสามีกลับกล่าวหาภรรยาต่อไปอีกว่า "จำเป็นต้องทำถึงขั้นนี้เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวเลยหรือ? มันเป็นการสนับสนุนครอบครัวแบบไหนกัน?" ฝ่ายภรรยาไม่ยอมแพ้ ตอบโต้กลับว่า "แล้วลูกไม่ได้ป่วยหรือ?"
ไม่นานหลังจากเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มันกระตุ้นประเด็นถกเถียงบนสื่อสังคมออนไลน์ โดยบางส่วนไม่สนับสนุนการกระทำของฝ่ายหญิง "สามีของฉันก็ป่วย ทำงานไม่ได้มา 8 ปีแล้ว แต่ฉันหาเลี้ยงครอบครัวด้วยตนเอง และจำเป็นต้องหาเงินใช้หนี้ แล้วทำไมฉันต้องเลือกเดินในแนวทางนี้ด้วยล่ะ มนุษย์ไม่ควรขาดศีลธรรม อย่ากล่าวโทษชีวิตเลย"
อย่างไรก็ตาม มีบางส่วนเลือกยืนเคียงข้างภรรยารายนี้ "ฉันก็เป็นผู้หญิง ฉันอยากแสดงความคิดเห็นแทนผู้หญิงคนหนึ่ง การใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายแบบนี้ ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่อาจทอดทิ้งครอบครัวและลูกๆ ของเธอได้ เธอจะยอมรับสภาพความเป็นอยู่นี้ได้อย่างไร มันหมดหนทางแล้วที่ต้องตัดสินใจแบบนี้"
(ที่มา : ctwant)