เกิดเหตุดินโคลนจากภูเขาถล่มลงมาทับรถบัสทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของโคลอมเบียเมื่อวันอาทิตย์ (4 ธ.ค.) ทำให้มีผู้โดยสารเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 34 ราย
สำนักงานจัดการความเสี่ยงและภัยพิบัติแห่งชาติโคลอมเบีย (UNGRD) แถลงเมื่อวันจันทร์ (5) ว่า เหตุโคลนถล่มครั้งนี้เกิดขึ้นบนถนนที่เชื่อมระหว่างหมู่บ้าน Pueblo Rico และหมู่บ้าน Santa Cecilia ในจังหวัดรีซารัลดา ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโบโกตาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 230 กิโลเมตร หลังมีฝนตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่
รถบัสคันดังกล่าวเดินทางมาจากเมืองคาลี (Cali) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของโคลอมเบีย โดยจะมุ่งหน้าไปที่เขตเทศบาลคอนโดโต (Condoto) ในจังหวัดโชโก
ทีมกู้ภัยต้องขุดคุ้ยลงไปในดินโคลนเพื่อตามหาผู้รอดชีวิต และสามารถช่วยผู้โดยสารเอาไว้ได้ทัน 9 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กหญิงวัยเพียง 7 ขวบ ที่กอดร่างมารดาที่เสียชีวิตเอาไว้แน่น ตามรายงานจาก วิกเตอร์ ทามาโย ผู้ว่าการจังหวัดรีซารัลดา
ร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกลำเลียงไปเก็บไว้ที่สนามกีฬาแห่งหนึ่งในเมือง ขณะที่ UNGRD ระบุว่าผู้เสียชีวิต 8 รายยังเป็นเยาวชน
ประธานาธิบดี กุสตาโว เปโตร แห่งโคลอมเบียได้ทวีตข้อความระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็น “โศกนาฏกรรม” พร้อมทั้งรับปากว่ารัฐบาลกลางจะมอบความช่วยเหลือแก่เหยื่อและครอบครัวอย่างเต็มที่
ภัยพิบัติโคลนถล่มเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ในโคลอมเบียซึ่งภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูง อีกทั้งยังมีฝนตกหนักบ่อย และบ้านเรือนประชาชนบางส่วนก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน
ซูซานา มูฮาหมัด รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมโคลอมเบีย แถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า หลังจากนี้รัฐบาลจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการฟื้นฟูผืนป่า เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุโคลนถล่มในอนาคต
ปรากฏการณ์ลานีญา (LaNina) ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักและอากาศหนาวเย็นในแถบแปซิฟิก มีส่วนทำให้โคลอมเบียต้องเผชิญฝนที่รุนแรงเป็นพิเศษในปีนี้ โดยมีผู้เสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 216 ราย ขณะที่ประชาชนอีก 538,000 รายต้องไร้ที่อยู่อาศัย ตามข้อมูลสถิติของรัฐบาล
ที่มา : รอยเตอร์
