xs
xsm
sm
md
lg

ญาติช็อก! เด็กสาวป่วยเป็นโรคประหลาด เสพติดกินผมตัวเองกระจุกอยู่ในท้อง 3 กก.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทีมแพทย์ศัลยกรรมในจีน ช่วยกันผ่าตัดเอากองผมที่พันกันเป็นก้อนออกจากกระเพาะและลำไส้ของเด็กสาวรายหนึ่ง ซึ่งล้มป่วยเป็นโรคประหลาด ที่กระตุ้นให้เธอดึงผมตนเองแล้วรับประทานลงท้อง

สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (24 พ.ย.) ว่า เด็กหญิงวัย 14 ปีรายนี้ เข้ารับการผ่าตัดเอาก้อนผมน้ำหนัก 3 กิโลกรัมออกจากท้อง ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนในช่วงต้นสัปดาห์เดียวกัน เหตุการณ์ที่ดึงดูดความสนใจไปที่สิ่งที่เรียกว่าชะตากรรมของเด็กที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง (left-behind children) ในจีน

"เด็กที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง" ตามคำนิยามของจีน คือเด็กๆ ที่ถูกทิ้งให้ใช้ชีวิตอยู่กับปู่ย่าตายาย หรืออยู่ตามลำพังในชนบทขณะพ่อแม่ไปทำงานต่างถิ่น ซึ่งคาดหมายว่ามีจำนวนหลายสิบล้านคน

จากการป่วยด้วยโรคประหลาดในอาการที่เข้าขั้นรุนแรง เด็กหญิงซึ่งไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ที่มาจากเมืองซีอาน ในมณฑลซานซี ศีรษะโล้นเกือบทั้งหัว หลังจากเธอดึงผมตัวเองแล้วรับประทานผมเข้าไป

เข้าใจว่าพฤติกรรมดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับอาการทางจิตที่เรียกว่า Pica พฤติกรรมหรือโรคที่ผู้ป่วยซึ่งมีความผิดปกติทางการรับประทานอาหาร ซึ่งสิ่งที่รับประทานนั้นไม่ใช่อาหาร รายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่นระบุ

ไช่ ไห่ แพทย์ระบบทางเดินอาหารของโรงพยาบาลซีอาน ต้าซิง ซึ่งรับผิดชอบรักษาเด็กสาวรายนี้ เผยว่า ญาติผู้ใหญ่ทำหน้าที่เลี้ยงดูเธอมา เนื่องจากพ่อแม่ต้องย้ายถิ่นฐานไปทำงานต่างเมือง อย่างไรก็ตาม ญาติไม่สังเกตเห็นอาการของเธอเลย จนกระทั่งเธอเริ่มอ้วนฉุและรับประทานอาหารไม่ได้

หลังจากสิ้นสุดการผ่าตัดที่ใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมง ทีมแพทย์สามารถเอาผมออกจากกระเพาะและลำไส้ของเด็กสาว ซึ่งรวมกันเป็นก้อนขนาดใหญ่น้ำหนักกว่า 3 กิโลกรัม หรือพอๆ กับอิฐก้อนหนึ่ง

"เธอมาหาเรา เพราะว่าเธอกินอาหารไม่ได้ จากนั้นเราพบว่ากระเพาะของเธอเต็มไปด้วยผมมากมายเหลือเกิน ไม่เหลือที่ว่างสำหรับอาหาร ลำไส้ของเธอก็อุดตันเช่นกัน" ไช่ระบุ

แพทย์รายนี้ระบุว่า การเสพติดรับประทานผมของเด็กสาว เกิดจากอาการหนึ่งที่เรียกว่า Pica อยากรับประทานของที่รับประทานไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพบในเด็กๆ "เธออาศัยอยู่กับปู่ย่า ซึ่งไม่ได้ใส่ใจพฤติกรรมของเธอมากพอ บางทีเธออาจมีปัญหาทางจิตมานานหลายปีแล้ว ดังนั้น ผมหวังว่าพ่อแม่ผู้ปกครองจะใช้เวลามากขึ้นกับเด็กๆ ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง"

(ที่มา : เอเชียวัน)


กำลังโหลดความคิดเห็น