วิตาลี คลิตช์โก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟและอดีตแชมป์มวยโลก สาดน้ำลายกล่าวโทษกันไปมากับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน และพันธมิตรของเขา ในวันอาทิตย์ (27 พ.ย.) ต่อแนวทางช่วยเหลือประชาชนยืนหยัดรับมือกับปัญหาไฟฟ้าดับ อันมีต้นตอจากปฏิบัติการโจมตีถล่มเครือข่ายทางพลังงานของรัสเซีย ท่ามกลางอุณหภูมิที่ดำดิ่ง และมีหิมะตกลงมาในเมืองหลวงแห่งนี้
คลิตช์โก เผยว่า ศูนย์มอบความอบอุ่น 430 แห่งจะช่วยประชาชนรับมือกับผลกระทบจากปฏิบัติการโจมตีของรัสเซียที่เล็งเป้าเล่นงานสถานีไฟฟ้า และมีแผนจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวเพิ่มเติมอีก 100 แห่ง ในกรณีที่สภาพอากาศเลวร้ายสุดขั้ว อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี พูดเน้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีเสียงร้องเรียนมากมายเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในเมืองหลวง
"ผมไม่ต้องการเกี่ยวพันกับการทะเลาะเบาะแว้งทางการเมือง โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน" คลิตช์โกกล่าวในวิดีโอที่โพสต์ผ่านเทเลแกรม "มันไม่มีความหมายอะไร ผมมีสิ่งต่างๆ ต้องทำในเมืองแห่งนี้"
คลิตช์โก ซึ่งเคยมีประเด็นขัดแย้งกับเซเลนสกีหลายเรื่อง ตั้งแต่ก่อนการรุกราน กล่าวว่าพันธมิตรของประธานาธิบดี มีส่วนในข่าวสารบิดเบือนเกี่ยวกับความพยายามต่างๆ ของเมือง ในนั้นรวมถึงการโพสต์ที่ยากจะเข้าใจบนสื่อสังคมออนไลน์ "มันไม่ใช่เรื่องดีเลย ไม่ดีสำหรับชาวยูเครนและสำหรับพันธมิตรต่างชาติของเรา วันนี้ เราทุกคนต้องสามัคคีกันและทำงานร่วมกัน แต่ที่นี่ เรามีเกมการเมืองบางอย่าง"
อย่างไรก็ตาม พันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีรายหนึ่งยังคงไม่รามือ โดยบอกว่าคำชี้แจงของ คลิตช์โก นั้นต่างออกไปอย่างมากจากรายงานที่ได้รับจากพวกชาวบ้าน พร้อมให้เวลานายกเทศมนตรีรายนี้ 1 สัปดาห์ ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ และนำเสนอมันไปยังคณะผู้ตรวจสอบของศูนย์ช่วยเหลือเหล่านั้น
"ผมมีข้อเสนอ เจ้าหน้าที่เมืองมีเวลา 1 สัปดาห์ สำหรับแก้ไขความผิดพลาดให้ถูกต้อง และเราจะทำการตรวจสอบร่วมกันกับนายกเทศมนตรี" เดวิด อาราคาเมีย หัวหน้ากลุ่มข้ารับใช้ประชาชนของประธานาธิบดี ในรัฐสภายูเครน ระบุบนเทเลแกรม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เซเลนสกี สนับสนุนความพยายามจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือหลายพันแห่งทั่วยูเครน สำหรับมอบความร้อน น้ำ อินเทอร์เน็ตและการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือแก่ประชาชน อย่างไรก็ตาม ระหว่างการปราศรัยผ่านวิดีโอในวันศุกร์ (25 พ.ย.) ประธานาธิบดีรายนี้กล่าวว่า นายกเทศมนตรีเคียฟ ไม่ดำเนินการอย่างเพียงพอในการช่วยเหลือประชาชนผู้ทุกข์ยาก" ขอพูดอย่างสุภาพ จำเป็นต้องทำงานหนักมากกว่านี้"
ความขัดแย้งเกิดขึ้นท่ามกลางฤดูหนาวที่เดินทางมาเยือนยูเครนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในศุกร์ (25 พ.ย.) มีหิมะตกในกรุงเคียฟและอุณหภูมิดำดิ่งในระดับจุดเยือกแข็ง ในขณะที่ประชาชนหลายล้านคนทั้งในและรอบๆ เมืองหลวงของยูเครน ต้องเผชิญปัญหาความวุ่นวายด้านอุปทานไฟฟ้าและเครื่องทำความร้อนกลาง อันมีต้นตอจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศระลอกแล้วระลอกเล่าของรัสเซีย
สภาพอากาศหนาวเหน็บค่อยๆ ผลักอุปสงค์ทางพลังงานของบรรดาผู้บริโภคพุ่งสูงขึ้นตามลำดับ ในขณะที่ยูเครเนอร์โก ผู้ดูแลโครงข่ายไฟฟ้า เปิดเผยว่า พวกเขากำลังเร่งซ่อมแซมโรงไฟฟ้าทั้งหลายที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ยูเครเนอร์โกยอมรับว่าบรรดาผู้ผลิตไฟฟ้ายังคงไม่สามารถกู้คืนไฟฟ้ามาได้อย่างสมบูรณ์ ตามหลังปฏิบัติการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียเมื่อวันพุธ (23 พ.ย.) และไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้นแต่ประหยัดพลังงานด้วยการตัดไฟ "หลักเกณฑ์จำกัดการบริโภคยังคงถูกใช้ สืบเนื่องจากการขาดแคลนสมรรถนะ ปัจจุบันสมรรถนะอยู่ที่แค่ราวๆ 20%"
มอสโกเล็งเป้าถล่มโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผ่านปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอันหนักหน่วง ซึ่งก่อให้เกิดไฟฟ้าดับในวงกว้างและเข่นฆ่าชีวิตพลเรือน ทั้งนี้ ปฏิบัติการโจมตีระลอกใหม่เมื่อวันพุธ (23 พ.ย.) ได้ก่อความเสียหายครั้งเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานาน 9 เดือน ส่งผลให้ประชาชนหลายล้านคนต้องอยู่โดยปราศจากแสงไฟ น้ำและความร้อน ท่ามกลางอุณหภูมิดำดิ่งต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส
อาราคาเมีย คาดหมายว่ารัสเซียจะดำเนินการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานระลอกใหม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และบอกว่าสัปดาห์ดังกล่าวจะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างมาก
เซเลนสกี ระบุในช่วงเย็นวันเสาร์ (26 พ.ย.) มีการจำกัดการใช้ไฟฟ้าใน 14 จากทั้งหมด 27 แคว้นของยูเครน ข้อจำกัดดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคมากกว่า 100,000 คนในแต่ละแคว้น ในนั้นรวมถึงกรุงเคียฟ และแคว้นต่างๆ โดยรอบ
"ถ้าการบริโภคเพิ่มขึ้นในช่วงเย็น จำนวนไฟฟ้าดับอาจเพิ่มขึ้น" เซเลนสกีกล่าวผ่านวิดีโอ พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องขอให้ประชาชนช่วยกันประหยัดพลังงาน "เป็นอีกครั้งที่มันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องประหยัดพลังงานและปันส่วนการบริโภค"
พวกนักพยากรณ์อากาศคาดหมายว่าในกรุงเคียฟ ซึ่งมีประชากรราวๆ 2.8 ล้านคนก่อนสงคราม หิมะจะยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ พร้อมคาดการณ์ว่าอุณหภูมิจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าจุดเยือกแข็งต่อไป
(ที่มา : รอยเตอร์)
