“เซเลนสกี้” เรียกร้องประชาชนประหยัดพลังงาน ท่ามกลางการโจมตีอย่างไม่ลดละของรัสเซีย ที่ทำให้ความสามารถในการผลิตไฟฟ้าของยูเครนลดเหลือเพียงครึ่งเดียว และมีคำเตือนว่า ประชาชนหลายล้านอาจเผชิญไฟฟ้าดับไปจนถึงอย่างน้อยปลายเดือนมีนาคม ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง ผู้อำนวยการหน่วยงานชำนาญพิเศษด้าน “นุก” ของยูเอ็นย้ำ แม้ระบบความปลอดภัยในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย ไม่ได้รับความเสียหายจากการถูกโจมตีช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่กระสุนปืนใหญ่ก็ยิงเข้าไปใกล้มาก ชนิดเฉียดหายนะอย่างน่ากลัว
อุณหภูมิในยูเครนขณะนี้เริ่มลดลงต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียสและคาดว่า จะลดลงต่อเนื่องถึง -20 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่านั้นในบางพื้นที่ระหว่างฤดูหนาวนี้
ระหว่างกล่าวปราศรัยทางออนไลน์ที่ทำเป็นประจำทุกคืนเมื่อคืนวันจันทร์ (21 พ.ย.) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน ระบุว่า การโจมตีของรัสเซียสร้างความเสียหายต่อระบบพลังงานของยูเครน พร้อมเรียกร้องให้ภาคธุรกิจและประชาชนจำกัดการใช้ไฟฟ้า
ขณะที่ เซียร์กี โควาเลนโก ประธานของ ยาสโน ผู้ให้บริการกระแสไฟฟ้าในกรุงเคียฟ กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า พนักงานกำลังเร่งซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่ได้รับความเสียหาย แต่แนะนำให้ประชาชนสำรองเสื้อหนาว ผ้าห่ม และคิดถึงตัวเลือกอื่นๆ เพื่อรับมือสถานการณ์ไฟฟ้าดับเป็นเวลานาน
เวลาเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรีไอรีนา เวเรชชุก ของยูเครน โพสต์บนแพลตฟอร์มสื่อสังคม เทเลแกรม แจ้งประชาชนในเมืองเคียร์ซอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงวัย ผู้หญิง เด็ก และผู้ป่วยหรือผู้พิการ สามารถแสดงความจำนงขอย้ายออกจากเมืองในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากปัญหาทั้งด้านความปลอดภัยและโครงสร้างพื้นฐาน
ด้านสำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียรายงานเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วว่า ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกเครมลิน กล่าวถึงสถานการณ์ไฟฟ้าดับในยูเครน และการที่รัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในยูเครนว่า เป็นผลจากการที่เคียฟไม่ยินยอมเจรจา
สำหรับสถานการณ์การสู้รบ มิกไคโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาเซเลนสกี้ ทวิตเมื่อคืนวันจันทร์ว่า รัสเซียระดมโจมตีเมืองเคียร์ซอน จากอีกฝั่งของแม่น้ำดนิโปรซึ่งเป็นที่มั่นใหม่ของกองกำลังแดนหมีขาว หลังจากถอนออกจากเคียร์ซอน เขาประณามว่า การกระทำดังกล่าวไม่มีเหตุผลทางทหาร แต่เป็นเพราะรัสเซียต้องการแก้แค้นชาวเมืองเคียร์ซอนเท่านั้น
นอกจากนั้น ยังคงมีรายงานว่าเกิดการสู้รบดุเดือดในภาคตะวันออก หลังจากรัสเซียส่งทหารบางส่วนที่ถอนออกจากรอบๆ เมืองเคียร์ซอน ไปเสริมแนวรบทางตะวันตกของโดเนตสก์
เมื่อวันจันทร์ รัสเซียและยูเครนยังคงกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งว่า ยิงปืนใหญ่และจรวดสิบกว่าระลอกโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย ที่เวลานี้อยู่ภายใต้การควบคุมของมอสโก โดยมีทหารยูเครนตั้งประจันหน้าอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ
เซเลนสกี้เรียกร้องให้สมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) รับประกันการปกป้องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้จากการก่อวินาศกรรมของรัสเซีย ขณะที่อเล็กซี ลิคาเชฟ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) โรซาตอมของรัสเซีย เผยว่า บริษัทได้หารือเรื่องที่โรงไฟฟ้าซาโปริซเซียถูกถล่มเมื่อคืนวันอาทิตย์ กับทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ที่เป็นองค์กรชำนาญพิเศษของสหประชาชาติ ตลอดทั้งคืน และสำทับว่า มีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์
ทั้งนี้ โรซาตอมควบคุมโรงไฟฟ้าซาโปริซเซียผ่านบริษัทในเครือ นับจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งยึดและถ่ายโอนเป็นกิจการของรัสเซียเมื่อเดือนตุลาคม
ด้านราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการไอเออีเอ ระบุว่า ฝ่ายใดก็ตามที่โจมตีโรงไฟฟ้าซาโปริซเซียกำลังสร้างความเสี่ยงครั้งใหญ่และเดิมพันด้วยชีวิตประชาชนจำนวนมาก
กรอสซียังระบุในคำแถลงเมื่อคืนวันอาทิตย์ว่า โชคดีที่อุบัติเหตุนิวเคลียร์ร้ายแรงไม่เกิดขึ้น แต่คราวหน้าอาจไม่โชคดีแบบนี้ และสำทับว่า สถานการณ์ “ฉิวเฉียดมาก” เนื่องจากกระสุนปืนใหญ่ตกห่างจากเป้าหมายที่เป็นอันตรายในโรงไฟฟ้าแค่ไม่กี่เมตร
การที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ถูกถล่มครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วงสงครามยูเครน จุดชนวนความกังวลเกี่ยวกับหายนะนิวเคลียร์ในยูเครนที่เคยเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดในโลกมาแล้วจากวิกฤตเชอร์โนบิลปี 1986
ไอเออีเอส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบโรงไฟฟ้าซาโปริซเซียเมื่อวันจันทร์ และหลังจากนั้นได้แถลงว่า พบความเสียหายเป็นวงกว้าง แต่ระบบสำคัญของโรงไฟฟ้ายังปลอดภัย และไม่มีข้อกังวลฉับพลันเกี่ยวกับความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเจนซีส์)