ผู้ชุมนุมหลายร้อยคนและตำรวจปะทะกันในเซี่ยงไฮ้คืนวันอาทิตย์ (27 พ.ย.) ขณะที่การประท้วงต่อต้านต่อต้านนโยบาย “โควิดต้องเป็นศูนย์” อันเข้มงวดของทางการจีนดำเนินไปเป็นวันที่ 3 แล้วในนครใหญ่ที่สุดของแดนมังกรแห่งนี้ รวมทั้งยังแพร่กระจายไปหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ตั้งแต่เกิดเหตุไฟไหม้อาคารพักอาศัยซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตในเมืองอุรุมชี ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของแดนมังกร ซึ่งนำไปสู่การตั้งคำถามเอากับมาตรการต่อสู้โรคระบาดอย่างกวดขันเช่นนี้ โดยที่มีรายงานด้วยว่าผู้ชุมนุมบางกลุ่มได้ตะโกนขับไล่ สี จิ้นผิง และพรรคคอมมิวนิสต์
กระแสคลื่นอารยะขัดขืนระลอกนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนจีนแผ่นดินใหญ่ นับจากที่ สี ขึ้นสู่อำนาจเมื่อทศวรรษที่แล้ว
ที่เซี่ยงไฮ้ เมืองที่มีประชากรมากที่สุดในจีน ชาวเมืองได้รวมตัวกันในคืนวันเสาร์ (26) ที่ถนนอู๋หลู่มู่ฉี ซึ่งก็คือชื่อของอุรุมชี ในภาษาจีนกลาง เพื่อจุดเทียนไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้ในเมืองเอกของซินเจียง เขตปกครองตนเองเทียบเท่ามณฑล แห่งนั้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว แต่ครั้นเวลาล่วงเข้าช่วงก่อนรุ่งสางวันอาทิตย์ (27) การชุมนุมรำลึกก็บานปลายเป็นการประท้วง
ตามคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ทางสื่อสังคม ฝูงชนพากันชูกระดาษเปล่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การประท้วงต่อต้านการเซ็นเซอร์ของรัฐบาลต่อหน้าตำรวจจำนวนมากที่เฝ้าควบคุมสถานการณ์ ต่อมาผู้ประท้วงตะโกนเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในอุรุมชี ซินเจียง และทั่วประเทศ
จากการเปิดเผยของผู้อยู่ในเหตุการณ์และวิดีโอบนโซเชียลมีเดีย ในเวลาต่อมา มีคนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งในหมู่ผู้ประท้วงตะโกนขับไล่ สี และพรรคคอมมิวนิสต์ กลายเป็นการประท้วงต่อต้านคณะผู้นำของประเทศในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยพบเห็นกันในจีนแผ่นดินใหญ่ในระยะหลายปีหลังๆ นี้
ตำรวจพยายามสลายการชุมนุมหลายครั้ง โดยผู้เห็นเหตุการณ์บางคนเผยว่า ตำรวจใช้สเปรย์พริกไทขับไล่ผู้ประท้วงที่มีราว 300 คน
เวลาต่อมาในวันอาทิตย์ ตำรวจระดมกำลังเป็นจำนวนมากไปที่ถนนอู๋หลู่มู่ฉี ปิดกั้นถนนที่อยู่รอบๆ และเข้าจับกุมคน ซึ่งจุดชนวนให้คนที่มุมดูอยู่พากันประท้วง ทั้งนี้ ตามคลิปวิดีโอหลายคลิปที่เผยแพร่กัน โดยที่รอยเตอร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันได้ว่าเป็นการถ่ายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ หรือไม่
ในช่วงเย็น มีผู้คนหลายร้อยคนชุมนุมอีกครั้งบริเวณใกล้ๆ กับจุดปิดถนนจุดหนึ่ง โดยบางคนถือกระดาษเปล่า
นอกจากเซี่ยงไฮ้แล้ว ในกรุงปักกิ่งมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆ หลายแห่ง เพื่อแสดงความไว้อาลัยอย่างสงบสันติแก่เหยื่อผู้เสียชีวิตในเหตุไฟไหม้ที่อุรุมชี ขณะที่มีรายงานว่า นักศึกษาในมหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่งทั่วประเทศจีน มีการชุมนุมเดินขบวนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ที่มหาวิทยาลัยชิงหัว ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาชั้นเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของจีน รวมทั้ง สี ก็เป็นศิษย์เก่าของที่นี่ด้วย มีผู้คนหลายสิบคนชุมนุมอย่างสงบเพื่อประท้วงมาตรการสู้โควิดอย่างเข้มงวด โดยระหว่างนั้นพวกเขาได้กล่าวปราศรัยและร้องเพลงชาติ ทั้งนี้ ตามภาพและวิดีโอที่เผยแพร่ทางสื่อสังคม
ในวิดีโอคลิปหนึ่ง ซึ่งรอยเตอร์บอกว่า ไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันได้ นักศึกษามหาวิทยาลัยชิงหัวผู้หนึ่ง เรียกร้องให้ฝูงชนที่ส่งเสียงเชียร์ลั่น พูดแสดงความคิดเห็นออกมา “ถ้าเราไม่กล้าพูดออกมาเนื่องจากเราหวาดกลัวว่าจะถูกป้ายสี ประชาชนของเราก็จะต้องผิดหวังในพวกเรา ในฐานะที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชิงหัวคนหนึ่ง ผมจะเสียใจตลอดชีวิตของผมเลยถ้ามันเป็นอย่างนั้น”
ไม่เฉพาะแต่ที่เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง ยังมีวิดีโอบนโซเชียลมีเดียที่ระบุว่า ถ่ายจากเหตุการณ์การประท้วงในเมืองอื่นๆ อย่างอู่ฮั่น หนานจิง กว่างโจว เฉิงตู ฉงชิ่ง หลานโจว รวมทั้งอุรุมชี และคอร์ลา ในซินเจียง ซึ่งผู้ประท้วงเกิดปะทะกับตำรวจที่สวมชุดป้องกันโรค ตลอดจนผู้ประท้วงทำลายสิ่งกีดขวางเพื่อปลดปล่อยผู้อยู่อาศัยที่ถูกล็อกดาวน์
ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของคลื่นการประท้วงในจีนระลอกนี้ เกิดจากเหตุไฟไหม้ในอาคารพักอาศัยที่เป็นตึกสูงแห่งหนึ่งของเมืองอุรุมชี เมื่อวันพฤหัสฯ (24) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน และคืนวันต่อมาฝูงชนออกมาชุมนุมบนถนนเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์
ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากคาดว่า ผู้เสียชีวิตในเหตุไฟไหม้นี้เพราะหนีออกมาไม่ทัน เนื่องจากตึกดังกล่าวถูกล็อกดาวน์บางส่วน ถึงแม้เจ้าหน้าที่ปฏิเสธก็ตาม
ทั้งนี้ เมืองอุรุมชีที่มีประชากร 4 ล้านคน มีประชาชนบางส่วนเคยถูกล็อกดาวน์นานถึง 100 วัน
เวลานี้ จีนยังคงจีนยึดมั่นนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่ง สี แสดงความสนับสนุนอย่างแข็งขัน ถึงแม้ประเทศมากมายทั่วโลกหันมาใช้นโยบายพยายามอยู่ร่วมกับโควิด ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จีนพบผู้ติดเชื้อพุ่งสูงทำลายสถิติของประเทศ เป็นต้นว่า เมื่อวันเสาร์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งแบบแสดงอาการและแบบไม่แสดงอาการจำนวนเกือบ 40,000 คน กระนั้นตัวเลขนี้ก็ถือว่าต่ำมากหากเทียบกับมาตรฐานโลก
จีนปกป้องนโยบายดังกล่าวว่า สามารถช่วยชีวิตประชาชนและมีความจำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้ระบบสาธารณสุขล่ม เจ้าหน้าที่ประกาศเดินหน้านโยบายนี้ต่อแม้กระแสความไม่พอใจของประชาชนร้อนแรงขึ้น อีกทั้งยังส่งผลร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศก็ตาม
ที่ผ่านมา มีน้อยครั้งมากที่มีการประท้วงทั่วประเทศในจีน ขณะเดียวกัน มีการปราบปรามผู้ต่อต้านอย่างเข้มงวดในสมัยสี บีบให้พลเมืองต้องระบายความไม่พอใจผ่านโซเชียลมีเดียแทน และเล่นเกมแมวจับหนูกับมาตรการเซ็นเซอร์ของรัฐบาล
แดน แมตติงลี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเยล ในสหรัฐฯ ชี้ว่า กระแสต่อต้านจะเพิ่มความกดดันให้พรรคคอมมิวนิสต์ ต้องออกมาจัดการ และคาดว่า จะมีการจับกุมและดำเนินคดีผู้ประท้วงบางคน กระนั้น เขาไม่คิดว่าสถานการณ์จะบานปลายถึงขั้นการนองเลือดแบบปี 1989 ที่ปักกิ่งปราบปรามผู้ประท้วงในจตุรัสเทียนอันเหมิน
แมตติงลีย์เสริมว่า ตราบที่ยังควบคุมและได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ จะไม่มีความเสี่ยงสำคัญท้าทายการรักษาอำนาจของ สี
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หม่า ซิงลุ่ย เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในซินเจียง เรียกร้องให้ยกระดับการรักษาความปลอดภัยและควบคุมการต่อต้านมาตรการป้องกันโควิดโดยผิดกฎหมายภายในภูมิภาค
(ที่มา : รอยเตอร์, เอพี, เอเอฟพี)