ในขณะที่เกาหลีใต้กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์ทั่วประเทศต่อโศกนาฏกรรมในอิแทวอน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่กลับมีผู้คนบนสื่อสังคมออนไลน์บางส่วน แสดงความคิดเห็นที่สร้างความเสื่อมเสียหรือไม่ก็ประณามกล่าวโทษเหยื่อผู้เสียชีวิต พฤติกรรมที่กระตุ้นให้สื่อมวลชนแดนโสมขาวต้องเขียนตำหนิอย่างดุเดือด
บทความที่เผยแพร่บนหนังสือพิมพ์ดองอาอิลโบ ระบุว่า ประชาคมสื่อสังคมออนไลน์บางส่วนมีพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ หลายคนแสดงความคิดเห็นที่สร้างความเสื่อมเสียหรือประณามกล่าวโทษไปที่ตัวเหยื่อ ในโศกนาฏกรรมนักท่องเที่ยวนับหมื่นคนหลั่งไหลไปยังถนนในย่านอิแทวอน จำนวนหนึ่งเบียดเสียดกรูเข้าไปตรอกแคบๆ จนขาดอากาศหายใจเสียชีวิตอย่างน้อย 154 คน บาดเจ็บ 149 ราย
ผู้คนบนสื่อสังคมออนไลน์บางส่วนชี้ว่าไม่เห็นเหตุผลที่ต้องไว้ทุกข์ให้พวกผู้ที่เสียชีวิตจากการแสวงหาความบันเทิงให้แก่ตนเอง นอกจากนี้ ยังปรากฏวิดีโอยั่วยุอารมณ์โกรธของเหตุการณ์ถูกส่งต่ออย่างกว้างขวาง และมีข่าวลือผิดๆ เกี่ยวกับต้นตอเหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ซึ่งบทความของหนังสือพิมพ์ดองอาอิลโบ ระบุว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นวาทะสร้างความเกลียดชังที่เกินขอบเขต ต้องรับผิดชอบทั้งทางกฎหมายและจริยธรรม โทษฐานเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ
ในบทความระบุว่า ผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้เป็นเหยื่อของโศกนาฏกรรม ที่พวกเขาไม่ได้เป็นผู้ก่อ นักศึกษาหลายคนที่เพิ่งสอบกลางเทอมเสร็จ คู่รักที่หมั้นหมายกันและคนหนุ่มสาวที่มาฉลองวันเกิดเพื่อน ต้องมาจบชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุอันเคราะห์ร้าย ครอบครัวเหยื่อบอกว่าพวกเขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับ "ถูกเอามีดแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนตาย" และ "รู้สึกเศร้าราวกับโลกกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ" และถ้าผู้คนเข้าอกเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น พวกเขาคงไม่เขียนแสดงความคิดเห็นเยาะเย้ยถางถาง กล่าวโทษไปที่เหยื่อ
บทความระบุว่า มีการปล่อยข่าวลือทฤษฎีสมคบคิดว่าการใช้ยาเสพติดและก๊าซรั่วเป็นต้นตอของอุบัติเหตุ แต่เจ้าหน้าที่และหน่วยดับเพลิงที่สืบสวนเหตุการณ์นี้ยืนยันแล้วว่าข่าวลือต่างๆ เหล่านั้นไม่เกี่ยวข้องเลย การปล่อยข่าวลือที่ไม่มีมูลใดๆ ไม่ช่วยทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้น และบางทีอาจต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย นอกจากนี้ ยังปรากฏวิดีโอของเหตุการณ์ที่ไม่ผ่านการกลั่นกรองเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมันไร้มนุษยธรรม ก่อความเสียหายแก่ศักดิ์ศรีของเหยื่อและซ้ำเติมบาดแผลของพวกเขา
ทั้งนี้ บทความได้เขียนปิดท้ายว่า ในขณะที่ประชาชนจำนวนมาต่อแถวรอแสดงความเคารพและไว้อาลัยเหยื่อผู้เสียชีวิต ณ แท่นบูชาขนาดใหญ่ที่ทางการจัดเตรียมไว้บริเวณใจกลางกรุงโซล "เราไม่ควรลืมว่าความเป็นหนึ่งเดียวกันและความเห็นอกเห็นใจในชุมชนของเรา จะเป็นตัวขับเคลื่อนความพยายามสร้างสังคมที่มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น"
(ที่มา : ดองอาอิลโบ)