คนเก่งๆ!! ผู้นำใหม่บอกฮ่องกงอยากได้ ออกมาตรการดึงดูด แต่ไม่ลืมเน้นเรื่องความมั่นคง

ผู้นำใหม่ฮ่องกงแถลงนโยบายครั้งแรก ชูเป้าหมายสำคัญสูงสุดในการปรับปรุงศักยภาพการแข่งขันและการดึงดูดแรงงานมีทักษะจากต่างชาติ ควบคู่กับการเน้นย้ำความจำเป็นในการเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ

แม้รัฐบาลตะวันตกบางชาติ ซึ่งรวมถึงอเมริกา วิจารณ์ว่า สิทธิเสรีภาพที่ถูกลิดรอนกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนและทำให้ปัญหาสมองไหลรุนแรงขึ้น ทว่า จอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประกาศระหว่างการแถลงนโยบายครั้งแรกเมื่อวันพุธ (19 ต.ค.) ว่าจะกระชับการควบคุมเข้มงวดขึ้นโดยอ้างอิงคำปราศรัยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เกี่ยวกับฮ่องกงระหว่างการเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ที่ฮ่องกงเมื่อไม่กี่วันนี้

ลี อดีตผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคง แจงว่า ฮ่องกงจะปรับปรุงระบบกฎหมายและกลไกการบังคับใช้ให้เข้มงวดขึ้นเพื่อปกป้องความมั่นคงแห่งชาติ โดยกฎหมายใหม่ที่เสนอจะควบคุมในส่วนต่างๆ ซึ่งรวมถึงความมั่นคงทางไซเบอร์ กิจกรรมการระดมทุนจากบุคคลทั่วไป (crowdfunding) และการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ

ลีที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนกรกฎาคม และถูกอเมริกาแซงก์ชันในปี 2020 จากบทบาทในการปิดกั้นเสรีภาพในฮ่องกง ไม่ได้ระบุกรอบเวลาในการดำเนินการดังกล่าว

ผู้นำใหม่ฮ่องกงที่มีประสบการณ์ทางการเงินจำกัด เผชิญความท้าทายมากมายในการฟื้นสถานะฮับการเงินของฮ่องกงหลังผจญความวุ่นวายนานหลายปีซึ่งทำให้พ่ายแพ้ต่อคู่แข่งร่วมภูมิภาคอย่างสิงคโปร์

ลียืนยันว่า เป้าหมายสำคัญอันดับแรกของรัฐบาลคือการฟื้นเศรษฐกิจจากภาวะถดถอยควบคู่ไปกับการปกป้องความมั่นคง โดยยอมรับว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แรงงานท้องถิ่นลดลงราว 140,000 คน และ 200,000 คนหากรวมแรงงานต่างชาติ

การปราบปรามผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างรุนแรงในบางครั้งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว รวมถึงการใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปัญหาสมองไหลรุนแรงขึ้น

คำปราศรัยของลีที่มีการเสนอร่างพิมพ์เขียวฟื้นฟูเศรษฐกิจครอบคลุมการดึงดูดแรงงานมีทักษะ การจัดสรรงบประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 146,180 ล้านบาท) ให้กองทุนร่วมลงทุน (Co-Investment Fund) เพื่อดึงดูดบริษัทต่างๆ เข้าไปเปิดดำเนินการในฮ่องกง และกฎใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกในการว่าจ้างพนักงานต่างชาติใน 13 สาขาวิชาชีพสำคัญ

นอกจากส่งเสริมและรักษาแรงงานมีทักษะในท้องถิ่นแล้ว รัฐบาลจะใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อดึงดูดคนเก่ง “ระดับหัวกะทิ” จากทั่วโลก ด้วยการออกวีซ่าระยะเวลา 2 ปีให้ผู้ที่มีรายได้ 2.5 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (12.18 ล้านบาท) ขึ้นไประหว่างปีที่แล้ว หรือเป็นบัณฑิตจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก 100 แห่งที่มีประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 3 ปี

นอกจากนั้น แรงงานมีทักษะจากต่างประเทศซึ่งเลือกที่จะเป็นผู้พำนักถาวรในอ่องกง ยังจะได้รับเงินคืนในรูปอากรแสตมป์สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยครั้งแรก

สำหรับที่พักอาศัยในตลาดอสังหาริมทรัพย์ราคาแพงที่สุดในโลกซึ่งเป็นปัญหาร้ายแรงมายาวนานสำหรับผู้นำฮ่องกงหลายยุคหลายสมัยนั้น ลีรับปากว่า จะจัดหาที่ดินอย่างเพียงพอเพื่อสร้างที่พักอาศัยไม่ต่ำกว่า 72,000 ยูนิตใน 5 ปีข้างหน้า

แม้คาดว่าราคาลดลง 10% ในปีนี้ แต่ลีไม่ได้ประกาศมาตรการเชิงรุก เช่น ผ่อนคลายมาตรการลดความร้อนแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินการมาตลอดทศวรรษที่ผ่านมา

นอกจากนั้น การแถลงนโยบายของลีที่กินเวลาถึง 2 ชั่วโมง 45 นาที ยังครอบคลุมโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นฮ่องกงที่มูลค่าลดลงกว่า 25% และกลายเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่มีผลงานแย่ที่สุดในภูมิภาค ปรับตัวลดลง 1.2% ในการซื้อขายช่วงเช้าวันพุธ

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)