เครื่องบินรบรัสเซียลำหนึ่งพุ่งชนตึกที่พักอาศัยแห่งหนึ่งในเมืองเยสค์ ทางภาคใต้ของประเทศ ไม่นานหลังจากเทกออฟขึ้นสู่ท้องฟ้าในวันจันทร์ (17 ต.ค.) ก่อลูกบอลไฟลุกท่วมอพาร์ตเมนต์หลังดังกล่าว และส่งผลให้มีเสียชีวิต 6 ราย รอยเตอร์อ้างรายงานข่าวของทาสส์นิวส์
ทาสส์นิวส์รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่า นอกจากผู้เสียชีวิตในเบื้องต้น ยังมีผู้สูญหายอีก 6 ราย และบาดเจ็บ 19 คน ทั้งนี้เมืองเยสค์ถูกคั่นกลางกับดินแดนทางภาคใต้ของยูเครน ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย ด้วยช่องแคบของทะเลอาซอฟ
ซเวซดดา สถานีข่าวทางทหารเผยแพร่วิดีโอเป็นภาพการระเบิดของเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยกลางซูเปอร์โซนิกซูคอย-34 หลังจากมันดิ่งเข้าใส่อาคารอพาร์ตเมนต์ ขณะที่สื่อมวลชนรัสเซียรายงานว่านักบินดีดตัวออกมาได้ทัน
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแจ้งกับอเล็กซานเดอร์ คูเรนคอฟ รัฐมนตรีบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาลกลาง มีผู้เสียชีวิต 6 รายและสูญหาย 6 คน ตามรายงานข่าวของทาสส์นิวส์ ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งการให้เขารุดลงพื้นที่ในทันทีหลังเกิดอุบัติเหตุ
ภาพวิดีโอพบเห็นไฟลุกไหม้อาคารสูง 9 ชั้นเป็นบริเวณกว้างหลังเกิดอุบัติเหตุ ก่อนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดเผยในเวลาต่อมาว่าสามารถดับเพลิงได้เรียบร้อยแล้ว
เวเนียมิน คอนดราทเยฟ ผู้ว่าการแคว้นคราสโนดาร์ ปฏิเสธรายงานข่าวของสื่อมวลชนท้องถิ่นที่ระบุเครื่องบินลำดังกล่าวบรรจุกระสุน "หากมันเป็นเช่นนั้นจริง อาคารแห่งนี้คงเหลือรอดเพียงแค่ครึ่งเดียว" สำนักข่าวอาร์ไอเออ้างคำกล่าวของเขาระหว่างให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าว
เจ้าหน้าที่เผยว่า มีประชาชนราวๆ 250 คนได้รับการอพยพออกมา ในนั้นเป็นเด็ก 40 คน
อาร์ไอเอ รายงานว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างเที่ยวบินฝึกฝนจากสนามบินของกองทัพแห่งหนึ่ง พร้อมอ้างคำสัมภาษณ์ของกระทรวงกลาโหมระบุ นักบินแจ้งเหตุไฟลุกไหม้เครื่องยนต์ขณะเทกออฟ และเชื้อเพลิงของเครื่องบินก็ลุกติดไฟ หลังจากมันพุ่งชนอาคาร
คณะกรรมการสืบสวนแห่งรัฐของรัสเซีย ซึ่งจัดการกับอาชญากรรมร้ายแรง เผยว่าได้เปิดการสืบสวนคดีอาญา และได้ส่งคณะสืบสวนลงพื้นที่เกิดเหตุแล้ว
วังเครมลินระบุว่า ปูตินได้สั่งการมอบทุกความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่เหยื่อ พร้อมยังสั่งการให้รัฐมนตรีสาธารณสุขบินลงพื้นที่ด้วย
เหตุการณ์นี้ที่เกิดใกล้ชายแดนยูเครน เกิดขึ้นราว 8 เดือนหลังจากรัสเซียส่งกองกำลังพลบุกเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ในสิ่งที่ ปูติน เรียกว่า "ปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร"
(ที่มา : รอยเตอร์)