xs
xsm
sm
md
lg

‘ตบหน้า’ ไบเดนฉาดใหญ่ ‘โอเปกพลัส’ ลงมติไม่เพิ่มแถมลดกำลังผลิตน้ำมันจนราคาพุ่งพรวดขึ้นอีก เมินเรื่องช่วยโดดเดี่ยวรัสเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ใช้กำปั้นทักทายตามประเพณีนิยมยุคโควิดระบาด ขณะพบหารือกับมกุฎราชกุมาร เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน (MBS) แห่งซาอุดีอาระเบีย ที่นครเจดดาห์ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี การที่ไบเดนยอมกล้ำกลืนเรื่องที่สหรัฐฯ เคยต่อต้านกล่าวหา MBS กรณีสั่งสังหาร จามัล คาช็อกกี ด้วยหวังว่าจะโน้มน้าวให้ซาอุดีอาระเบียช่วยเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันนั้น เวลานี้เห็นกันแล้วว่าไม่บังเกิดผล
ไบเดนถูก “ตบหน้าทางการทูต” ฉาดใหญ่ จากการที่กลุ่ม“โอเปกพลัส” ประกาศภายหลังการประชุมของพวกเขาในวันพุธ (5 ต.ค.) เดินหน้าลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยไม่แยแสความพยายามของประมุขทำเนียบขาว ซึ่งต้องการให้ปล่อยน้ำมันออกมาขายกันเพิ่มขึ้น เพื่อโดดเดี่ยวรัสเซีย และดึงราคาเชื้อเพลิงลงต่ำ ก่อนถึงช่วงเลือกตั้งกลางเทอมของอเมริกาในต้นเดือนหน้า

เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว และไบรอัน ดีส ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐฯ ร่วมกันออกคำแถลงระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน รู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจที่ไม่รอบคอบของกลุ่มโอเปกพลัสคราวนี้

แต่นี่ดูจะเป็นการพูดแบบกล้ำกลืนยั้งๆ ไว้ ไม่ได้ปล่อยออกมาอย่างเต็มที่

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ไบเดนพยายามดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวังทั้งด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ เพื่อหาทางลดราคาเชื้อเพลิงซึ่งคนอเมริกันต้องควักกระเป๋าจ่าย ขณะเดียวกับที่หาช่องตัดลดการส่งออกพลังงานของรัสเซียซึ่งเป็นตัวสร้างรายได้อันสำคัญที่มอสโกนำไปใช้จ่ายทำสงครามในยูเครน

ในเวลานี้เมื่อเหลือเวลาอีกเพียง 5 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งพรรคเดโมแครตวาดหวังว่าจะสามารถครองเสียงข้างในทั้ง 2 สภาของสหรัฐฯ ได้ต่อไปนั้น ไบเดนก็ดูจะประสบความสำเร็จเป็นบางส่วน โดยราคาเฉลี่ยของน้ำมันเบนซินในอเมริกาลดลงกว่า 1 ดอลลาร์ต่อแกลลอนเมื่อเทียบกับตอนต้นปีซึ่งสูงลิ่วๆ จนสร้างความเสียหายทางการเมืองให้แก่ฝ่ายรัฐบาล เวลาเดียวกัน กลุ่มพันธมิตรตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ ยังคงเหนียวแน่นในการเผชิญหน้ากับรัสเซียขณะที่ฤดูกาลกำลังจะย่างเข้าสู่ฤดูหนาว

ดังนั้น การที่กลุ่มโอเปก+ ซึ่งประกอบด้วยองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่มีซาอุดีอาระเบียเป็นผู้นำ บวกกับพวกผู้ผลิตนอกโอเปกซึ่งนำโดยรัสเซีย มีมติให้ลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงมาในครั้งนี้ จึงทำให้คณะบริหารไบเดนรู้สึกช็อก

ซาอุดีฯ ถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดและยังเป็นลูกค้าซื้ออาวุธก้าวหน้าทันสมัยรายใหญ่ที่สุดของอเมริกา นอกจากนั้น ตัวไบเดนเองยังลงทุนทางการเมืองด้วยการเดินทางเยือนราชอาณาจักรแห่งนี้ และพบหารือกับผู้นำทางพฤตินัยคือ มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ถึงแม้หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุว่า พระองค์เป็นผู้อนุมัติการสังหารจามัล คาช็อกกี คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ เมื่อปี 2018

โฆษกทำเนียบขาว แครีน ฌอง-ปิแอร์ แสดงออกถึงความไม่พอใจของคณะบริหารไบเดน เมื่อเธอแถลงว่า การประกาศลดกำลังผลิตน้ำมันครั้งนี้ คือการที่โอเปกพลัสร่วมมือกับรัสเซีย

ขณะที่ คริส เมอร์ฟีย์ ส.ว.พรรคเดโมแครตที่เป็นพันธมิตรกับไบเดน วิจารณ์อย่างเดือดดาลยิ่งกว่า โดยบอกว่า เขาเคยคิดว่าการที่สหรัฐฯ ยังคงขายอาวุธให้พวกประเทศในอ่าวเปอร์เซีย ทั้งที่ชาติเหล่านี้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำสงครามเยเมนอย่างไร้เหตุผล และขัดขวางผลประโยชน์ของอเมริกาในลิเบีย ซูดาน เหตุผลสำคัญที่สุดก็คือว่าเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ระหว่างประเทศขึ้นมา ประเทศในอ่าวเปอร์เซียจะเลือกอยู่ข้างอเมริกาแทนที่จะอยู่ข้างรัสเซีย/จีน

การที่โอเปกพลัส มีมติในวันพุธให้ลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงมา 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน คือการส่งสัญญาณให้ราคาน้ำมันในตลาดขยับพุ่งขึ้นไป

และปรากฏว่าในตอนปิดตลาดนิวยอร์กวันพุธนั้นเอง สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 2.24 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 87.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านน้ำมันเบรนต์ทะเลเหนือของลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 93.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งราคาพลังงานเคลื่อนไหวอยู่ในระดับที่สูงมากนั้น ได้สร้างความเสียหายให้แก่ฐานะของไบเดนอยู่แล้ว ทั้งนี้ราคาพลังงานยังแตกต่างจากราคาสินค้าอื่นๆ ที่ชักแถวแพงขึ้นเช่นกัน ตรงที่ว่ามันมีป้ายบอกราคาตัวโตๆ ให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่อเข้าไปเติมน้ำมันที่ปั๊ม และผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมจ่ายแพงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไบเดนในฐานะประธานาธิบดี มีตัวเลือกไม่มากเลยในการต่อสู้กับแนวโน้มอันตรายเช่นนี้

ทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดนสั่งการให้นำน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ออกมาขายให้ประชาชนอีก 10 ล้านบาร์เรลในเดือนหน้า เพื่อพยายามดึงราคาลง

กระนั้น น้ำมันสำรองเหล่านี้กำลังร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว หลังจากปล่อยออกมาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตามคำสั่งของคณะบริหารเริ่มตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคม และขณะนี้อยู่ในระดับต่ำสุดนับจากเดือนกรกฎาคม 1984 อีกทั้งไม่ชัดเจนว่า คณะบริหารมีแผนสั่งซื้อน้ำมันมาเติมคลังสำรองเมื่อใด

คำแถลงของทำเนียบขาวระบุว่า การปล่อยน้ำมันออกมาในรอบต่อไปนั้นเป็นเรื่องถูกต้องเหมาะสมเพื่อการปกป้องผู้บริโภคอเมริกันและส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน โดยที่ไบเดนยังสั่งการให้รัฐมนตรีพลังงานศึกษาการดำเนินการอย่างมีความรับผิดชอบอย่างอื่นๆ เพื่อเพิ่มกำลังผลิตในประเทศทันที

คำแถลงสำทับว่า คณะบริหารจะหารือกับรัฐสภาเกี่ยวกับเครื่องมือและอำนาจอื่นๆ ในการลดการควบคุมราคาพลังงานของโอเปก

ทว่า แอนดี ลิโพว์ จาก ลิโพว์ ออยล์ แอสโซซิเอตส์ กล่าวว่า การตัดสินใจของโอเปกพลัสเมื่อวันพุธแสดงให้เห็นว่า อิทธิพลของอเมริกาที่จะบังคับให้โอเปกรักษาอุปทานน้ำมันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมนั้น กำลังเสื่อมลง มิหนำซ้ำอเมริกายังไม่สามารถปล่อยน้ำมันในคลังสำรองออกมาได้ตลอดไปโดยไม่มีวันหมด ซึ่งเรื่องนี้โอเปกรู้ดี ดังนั้น ทางเลือกเดียวของอเมริกาคือ เพิ่มกำลังผลิตในประเทศ

อย่างไรก็ตาม นั่นย่อมจะเป็นการขัดแย้งกับการจัดลำดับความสำคัญเพื่อต่อสู้แก้ไขปัญหาโลกร้อนของไบเดนเอง รวมทั้งความพยายามที่จะนำสหรัฐฯ ให้ถอยห่างจากการพึ่งพิงพลังงานฟอสซิลอย่างน้ำมันและก๊าซ

(ที่มา : เอเอฟพี/เอเจนซีส์)


กำลังโหลดความคิดเห็น