เอเอฟพี - อิตาลีเปิดคูหาเลือกตั้งในวันอาทิตย์ (25 ก.ย.) ท่ามกลางการคาดหมายว่า รัฐบาลขวาจัดจะฟื้นคืนชีพเป็นครั้งแรกนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนั้น ยังจะเป็นครั้งแรกที่ประเทศนี้มีนายกรัฐมนตรีหญิง
การเลือกตั้งของอิตาลีเริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 7.00 น. และจะสิ้นสุดในเวลา 23.00 น. ซึ่งจะมีการเผยแพร่เอ็กซิตโพลล์ อย่างไรก็ตาม สูตรการคำนวณซับซ้อนของระบบสัดส่วนผสมกับระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุดอาจทำให้ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะได้ผลการนับคะแนนที่แม่นยำ
พันธมิตรฝ่ายขวานำโดยพรรคบราเธอร์ส ออฟ อิตาลี ของจอร์เจีย เมโลนี ดูเหมือนจ่อกวาดชัยชนะชัดเจนตอนที่ผลสำรวจความคิดเห็นครั้งล่าสุดเผยแพร่ออกมาเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว
แต่กฎการห้ามทำโพลก่อนการเลือกตั้ง 2 สัปดาห์ยังเปิดโอกาสให้การเลือกตั้งของอิตาลีอาจมีเซอร์ไพรส์ โดยมีข่าวว่า พรรคฝ่ายซ้าย 5-สตาร์ มูฟเมนต์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดในปี 2018 มีคะแนนนิยมตีตื้นขึ้นมาในช่วงไม่กี่วันมานี้ ซึ่งอาจลดทอนโอกาสของพันธมิตรฝ่ายขวาในการครองเสียงข้างมากในสภาสูง และทำให้กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลยุ่งยากขึ้น
นอกจากนี้ แม้ได้ชัยชนะขาดลอย แต่ไม่มีแนวโน้มว่ารัฐบาลชุดใหม่จะได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ก่อนปลายเดือนหน้า เนื่องจากการประชุมสภาชุดใหม่จะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงวันที่ 13 ตุลาคม
เมโลนีจะเป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะที่ผู้นำพรรคพันธมิตรยังรวมถึงพรรคสันนิบาตของมัตเตโอ ซาลวินี และพรรคฟอร์ซา อิตาเลีย ของซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนี
ชัยชนะดังกล่าวจะถือเป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่ของเมโลนี วัย 45 ปีจากโรม ผู้นำพรรคการเมืองที่ได้คะแนนแค่ 4% ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2018
เมโลนีที่เป็นนักการเมืองหญิงที่พูดจาตรงไปตรงมา และเป็นลูกสาวของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวในย่านชนชั้นแรงงาน ต่อต้านการล็อบบี้ของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ (แอลจีบีที) อุดมการณ์การตื่นตัวทางการเมือง และการใช้ความรุนแรงของอิสลาม
เธอประกาศหยุดคลื่นผู้อพยพนับหมื่นที่หลั่งไหลเข้าสู่ชายฝั่งของอิตาลีทุกปี ซึ่งเป็นจุดยืนเดียวกับซัลวินีที่กำลังถูกไต่สวนจากการสกัดเรือช่วยผู้อพยพของมูลนิธิการกุศลระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยในปี 2019
พรรคประชาธิปไตยที่เป็นกลุ่มกลาง-ซ้าย และนำโดยอดีตนายกรัฐมนตรีเอ็นริโก เล็ตตา โจมตีว่า เมโลนีเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย และยังเตือนว่า รัฐบาลของเธออาจทำให้เกิดความเสี่ยงร้ายแรงต่อสิทธิที่ได้มาอย่างยากลำบาก เช่น การทำแท้ง รวมทั้งจะเพิกเฉยต่อภาวะโลกร้อน แม้อิตาลีเป็นด่านหน้าที่จะเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศก็ตาม
ในด้านเศรษฐกิจนั้น พรรคแนวร่วมของเมโลนีประกาศลดภาษีควบคู่กับเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านสังคม ไม่ว่าจะมีต้นทุนสูงเพียงใดก็ตาม และยังอาจเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (อียู) แก้ไขกฎเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสาธารณะด้วย
การเลือกตั้งที่จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิครั้งแรกในรอบกว่าศตวรรษของอิตาลีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการต่อสู้ภายในพรรคที่ทำให้รัฐบาลปรองดองแห่งชาติของนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี ล่มเมื่อเดือนกรกฎาคม
อิตาลีนั้นมีประวัติเรื่องความไร้เสถียรภาพทางการเมือง และนายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะเป็นผู้นำรัฐบาลชุดที่ 68 นับจากปี 1946 และจะต้องเผชิญความท้าทายหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาพลังงานพุ่งทะยาน
ผลการเลือกตั้งของอิตาลียังเป็นที่จับตาอย่างวิตกกังวลของประเทศต่างๆ ในยุโรป ตลอดจนถึงตลาดการเงิน โดยบรรดาผู้นำอียูที่ต้องการรักษาความสามัคคีหลังจากรัสเซียบุกยูเครน กังวลว่า อิตาลีจะกลายเป็นสมาชิกที่คาดเดาได้ยากกว่าเมื่อครั้งอยู่ภายใต้การบริหารของดรากี ซึ่งเป็นอดีตประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)
ส่วนตลาดกังวลมาตลอดเกี่ยวกับความสามารถของอิตาลีในการจัดการหนี้กองใหญ่ที่พอกพูนจนมีสัดส่วนถึง 150% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)
เมโลนีพยายามลดกระแสความกังวลเกี่ยวกับรากเหง้านีโอฟาสซิสม์ของพรรค และพยายามสร้างภาพเป็นกลุ่มอนุรักษนิยมกระแสหลักแทน เธอยังประกาศสนับสนุนนโยบายของตะวันตกเกี่ยวกับยูเครน และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ไม่เหมาะสมต่อเศรษฐกิจจากราคาพลังงานที่แพงขึ้น
อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณความขัดแย้งระหว่างเมโลนีกับพันธมิตรเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ หลังจากซัลวินี วิจารณ์ผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงที่มีต่อประชาชน โดยโทษว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการแซงก์ชันรัสเซียของตะวันตก และเบอร์ลุสโคนีแสดงท่าทีปกป้องประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียระหว่างหาเสียง