เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไต้หวันฝากคำเตือนแรงๆ ไปยังจีนว่า ความพยายามปิดล้อมไต้หวันหรือยึดเกาะที่อยู่ในการควบคุมของไทเป จะมีค่าเท่ากับ “ประกาศสงคราม” และไต้หวันจะไม่ “ยอมจำนน” เป็นอันขาด
ในขณะที่ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน และเจ้าหน้าที่รัฐบาลไต้หวันหลายคนยืนยันว่า พวกเขาปรารถนาสันติภาพและพร้อมจะปกป้องตนเองหากถูกจีนรุกราน ทว่าการกระทำใดบ้างของจีนที่ไต้หวันจะมองว่าเป็นการรุกรานที่กองทัพมีสิทธิตอบโต้ได้นั้น เป็นเรื่องที่ไม่เคยถูกพูดถึงในรายละเอียดมาก่อน
ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์เชื่อว่า จีนอาจไม่ส่งทหารบุกเกาะไต้หวันตรงๆ แต่อาจใช้วิธีกดดันในรูปแบบอื่น เช่น ปิดล้อมเกาะไว้เพื่อให้ไต้หวันยอมจำนน เป็นต้น
ความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวันทวีความรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่ แนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนไทเปเมื่อต้นเดือน ส.ค. ซึ่งจีนได้แสดงความโกรธเกรี้ยวด้วยการเปิดซ้อมรบและยิงขีปนาวุธรอบๆ เกาะไต้หวันเพื่อสื่อถึงการปิดล้อมแบบกลายๆ และจนถึงขณะนี้ก็ยังคงมีกิจกรรมทางทหารอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ลดขนาดลงมา
ท่าทีของปักกิ่งทำให้ทางการไต้หวัน รวมถึงมิตรประเทศอย่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น เริ่มประเมินสถานการณ์ว่าความขัดแย้งกับจีนอาจจะลุกลามไปถึงขั้นใด และไต้หวันกับพันธมิตรจะมีมาตรการตอบโต้จีนอย่างไร
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของไต้หวันที่ไม่ประสงค์ออกนาม ได้ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า ปฏิบัติการซ้อมรบของจีนที่เกิดขึ้นภายหลังการเยือนของ เพโลซี เป็นสัญญาณเตือนถึง “สถานการณ์ขั้นเลวร้ายที่สุด” ที่อาจเกิดขึ้น
“การปิดล้อมเท่ากับประกาศสงคราม การยึดเกาะนอกชายฝั่งก็เป็นการประกาศสงครามเช่นกัน” เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าว พร้อมระบุว่าไทเปยังคงเชื่อว่าจีน “จะไม่ทำทั้ง 2 อย่าง” ในเวลานี้
“การยึด (เกาะนอกชายฝั่ง) มีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวก็คือ บังคับให้เรายอมเจรจาหรือยอมจำนน ซึ่งเราจะไม่ยอมอย่างแน่นอน”
นักยุทธศาสตร์ด้านการทหารส่วนใหญ่ และแม้แต่กระทรวงกลาโหมไต้หวันเอง คาดการณ์ว่าจีนอาจจะพยายามยึดเกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งไต้หวันบางเกาะ เช่น หมู่เกาะจินเหมิน (Kinmen) หรือหมู่เกาะหมาจู่ (Matsu Archipelagos) ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งมณฑลฝูเจี้ยนของจีนไม่กี่กิโลเมตร
ที่มา : รอยเตอร์