จีนมีกองเรือรบขนาดใหญ่โตและทันสมัย พรักพร้อมเต็มที่ในการปิดล้อมเกาะไต้หวัน นายพลเรืออาวุโสของอเมริกันที่รับผิดชอบทัพนาวีในภูมิภาคแถบนี้ยอมรับ แต่ก็สำทับว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจเปิดทางให้นานาชาติเข้าแทรกแซง
พลเรือโทคาร์ล โทมัส ผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 ของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลฉบับวันจันทร์ (19 ก.ย.) ว่า จีนมีกองทัพเรือขนาดใหญ่มาก และถ้าต้องการรังแกและปิดล้อมเกาะไต้หวัน จีนก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ซึ่งยุทธศาสตร์นี้อาจบีบให้ไต้หวันยอมจำนนเพื่อหลีกเลี่ยงการสู้รบขัดแย้งกียโดยตรง
โทมัสแจงว่า ขณะนี้จีนมีกองทัพเรือขนาดใหญ่ที่ทันสมัยอีกทั้งยังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่รู้ว่า จีนกำลังพยายามดำเนินการใดๆ กับไต้หวัน ซึ่งปักกิ่งถือว่า เป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนหรือไม่ ไม่ว่าจะด้วยวิธีบุกเต็มรูปแบบหรือปิดล้อมทางทะเลก็ตาม แต่หน้าที่ของเขาคือ เตรียมพร้อมรับมือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ดี เขาเสริมว่า ปักกิ่งควรแก้ไขความขัดแย้งเรื่องไต้หวันด้วยสันติวิธี และสำทับว่า ถ้าจีนปิดล้อมไต้หวัน อาจเปิดโอกาสให้นานาชาติเข้าแทรกแซงและร่วมมือกันเพื่อรับมือความท้าทายนี้
โทมัสกล่าวด้วยว่า ปักกิ่งยังเสริมสร้างสมรรถนะต่างๆ เพื่อรองรับการปรากฏตัวทางทางทหารในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นน่านน้ำที่มีการสัญจรพลุกพล่าน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไต้หวัน โดยที่เวลานี้จีนมีทั้งเกาะเทียมเพื่อใช้ในด้านการทหารอย่างสมบูรณ์แบบ และยังสามารถควบคุมเกาะจริงตามธรรมชาติในน่านน้ำดังกล่าว
“พวกเขามีบังเกอร์เพื่อการป้องกันทั้งหมดทั้งปวงที่พวกเขาต้องการเรียบร้อยแล้ว พวกเขายังมีพร้อมหมดแล้วทั้งศักยภาพในการจัดเก็บเชื้อเพลิงที่พวกเขาต้องการ, ความสามารถในการนำเอากองทหารมาพำนักอาศัย, พวกเขามีทั้งขีปนาวุธ, เรดาร์, อุปกรณ์เซนเซอร์ตรวจจับสัญญาณ” เขาบอก
ทั้งนี้ ไต้หวันถือเป็นประเด็นปัญหาสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนมาเป็นเวลานานหลายทศวรรษแล้ว และสถานการณ์ยิ่งตึงเครียดขึ้นอีกในระยะหลังๆ นี้ จากการที่แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของอเมริกา เดินทางเยือนไต้หวันในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยไม่สนใจคำเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าของปักกิ่งให้ล้มเลิกการเดินทาง
เกาะไต้หวันนั้นมีการปกครองของตนเองมาตั้งแต่ปี 1949 เมื่อกลุ่มชาตินิยม (ก๊กมิ่นตั๋ง) จีน หลบหนีจากแผ่นดินใหญ่หลังแพ้สงครามกลางเมืองต่อพรรคคอมมิวนิสต์ และจัดตั้งคณะบริหารของพวกตนขึ้นบนเกาะไต้หวัน
ด้านวอชิงตันแม้ยอมรับอธิปไตยของจีนที่มีเหนือไต้หวันอย่างเป็นทางการ รวมทั้งหลักการจีนเดียว แต่ก็รักษาความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการกับไต้หวันอย่างแน่นแฟ้น
จีนถือว่า ไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนที่ถูกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยึดไปชั่วคราว และประกาศมาตลอดว่า จะรวมประเทศโดยไม่ตัดทางเลือกในการใช้กำลังทหาร
ภายหลังการเยือนไต้หวันของเพโลซีที่ถือเป็นเจ้าหน้าที่อเมริกันระดับสูงสุดที่เดินทางเยือนเกาะมังกรน้อยในรอบกว่า 25 ปี จีนสั่งซ้อมรบด้วยกระสุนจริงเพื่อตอบโต้การเยือนดังกล่าวเนื่องจากเป็นการละเมิดนโยบายจีนเดียว โดยกระทรวงกลาโหมแดนมังกรแถลงว่า ได้ทำการซ้อมรบทั้งในน่านน้ำและน่านฟ้ารอบไต้หวันเพื่อทดสอบศักยภาพในการโจมตีภาคพื้นดินและระบบโจมตีทางทะเล
เวลาเดียวกัน ขณะที่จีนคุกคามไต้หวันหนักข้อขึ้น คณะบริหารไบเดนก็แสดงท่าทีเหมือนเต็มใจมากขึ้นในการใช้กำลังทหารของตนเข้าปกป้องไต้หวัน โดยล่าสุดระหว่างให้สัมภาษณ์รายการ 60 มินิตส์ ทางเครือข่ายซีบีเอส ซึ่งแพร่ภาพออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (18) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตอบคำถามของสก็อตต์ เพลลีย์ ผู้ดำเนินรายการที่ถามว่า กองทัพอเมริกาจะปกป้องไต้หวันหรือไม่ โดยบอกว่า “ใช่ ถ้ามีการโจมตีอย่างชนิดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
ก่อนหน้านั้น ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไบเดนยืนยันเช่นเดียวกันว่า กองทัพอเมริกันจะให้การสนับสนุน เมื่อถูกถามว่า เขาปรารถนาที่จะ “เกี่ยวข้องพัวพันทางทหารเพื่อปกป้องไต้หวัน” หรือไม่ ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ตอบว่า นั่นเป็นความมุ่งมั่นผูกพันของอเมริกาอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี ในทั้งสองโอกาสนี้ทางทำเนียบขาวรีบออกมายืนยันว่า สหรัฐฯยังคงยึดถือในนโยบายจีนเดียวอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
(ที่มา: อาร์ที, ไต้หวันนิวส์)