xs
xsm
sm
md
lg

ทรงพระเจ๋งเป้ง!! ปรินซ์วิลเลียมอยากให้ลูกโตแบบเด็กทั่วไป จะย้ายสู่ตำหนักไซส์จิ๋วในวินด์เซอร์ โดยมีเหตุสำคัญอื่นด้วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจ้าชายวิลเลียมทรงมีมุมมองชีวิตที่น่าชื่นชม ทรงอยากให้พระโอรส-พระธิดาวัยกระเตาะทั้งสาม มีวิถีชีวิตแบบเด็กทั่วไปได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถ เช่น ได้เสวยพระกระยาหารเช้าและค่ำพร้อมหน้ากันกับพระบิดาและพระมารดา ได้มีพระบิดาพระมารดาพาไปส่งโรงเรียนใกล้ๆ บ้าน และได้ใช้ชีวิตทำกิจกรรมต่างๆ ในระหว่างกัน 5 พระองค์ช่วงยามค่ำคืนโดยไม่ต้องมีข้าราชบริพารคอยถวายดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น เจ้าชายจึงทรงตัดสินพระทัยย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์อันใหญ่โตในพระราชวังเคนซิงตัน สู่พระตำหนักอเดลเลดในเขตพระราชฐานวินด์เซอร์ ซึ่งมีขนาดเล็กแค่ 4 ห้องนอน และปราศจากห้องนอนสำหรับพระพี่เลี้ยง สื่อหัวสีสายราชวงศ์อังกฤษรายงานโดยยังไม่ยืนยันความแน่นอน อนึ่ง ภาพด้านบนนี้เป็นชีวิตครอบครัวสนุกสนานที่พระบิดาวิลเลียมทรงปรารถนาให้พระโอรสพระธิดาได้รับประสบการณ์เรียบง่ายแสนสุขแบบนี้บ่อยๆ ทั้งนี้ พระมารดาเคท กับเจ้าชายจอร์จ เจ้าชายหลุยส์ และเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ ทรงช่วยกันอบขนมคัพเค้กเพื่อส่งไปสนับสนุนกิจกรรมปิกนิกอาหารกลางวันบนท้องถนน (จูบีลีปิกนิก) ที่ประชาชนร่วมกันจัดขึ้นทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบรอบ 70 ปี ของควีนเอลิซาเบธ ณ วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน 2022
ในชีวิตจริงที่พระโอรสและพระธิดาทรงเติบโตอยู่กับสารพัดสิทธิพิเศษ เจ้าชายวิลเลียมทรงปรารถนาให้แต่ละพระองค์ ได้มีวิถีชีวิตแบบเด็กทั่วไปบ้าง จึงทรงตัดสินพระทัยจะย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์อันใหญ่โตโอฬารในพระราชวังเคนซิงตัน สู่พระตำหนักอเดลเลด ซึ่งกะทัดรัดด้วยขนาดเพียง 4 ห้องนอน ไม่ต้องมีข้าราชบริพารคอยดูแลมากมาย และในยามค่ำคืนจะมีกันและกันเพียง 5 พระองค์ใช้ชีวิตอย่างอบอุ่นเป็นส่วนตัว ทั้งนี้ ในเมื่อพระตำหนักตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานวินด์เซอร์ ผู้สันทัดกรณีชี้ว่าเรื่องนี้อาจมีสาเหตุอื่นๆ ด้วย เช่น เพื่อจะถวายการดูแลควีนเอลิซาเบธให้ปลอดพ้นความเสี่ยงที่อาจเกิดจากพระราชโอรสและพระราชนัดดาซึ่งได้สร้างปัญหาและแรงกดดันต่อสถาบันกษัตริย์ครั้งแล้วครั้งเล่า สื่อมวลชนรายงานแบบยังไม่ยืนยัน

เจ้าชายวิลเลียม และพระชายาเคท มิดเดิลตัน ทรงตระเตรียมการเพื่อย้ายครอบครัวออกจากอพาร์ตเมนต์ 1A ที่เป็นอาคาร 4 ชั้น ขนาด 20 ห้อง ภายในพระราชวังเคนซิงตัน กรุงลอนดอน สู่พระตำหนักอเดลเลด คอตเทจ อันกะทัดรัดด้วยขนาดเพียง 4 ห้องนอนซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตพระราชฐานวินด์เซอร์ และสามารถเดินเพียง 10 นาทีก็ถึงปราสาทวินด์เซอร์ที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงประทับอยู่ในปัจจุบัน สื่อหัวสีระดับเจ้าพ่ออย่างเดอะมิร์เรอร์ และเดอะเทเลกราฟ ตลอดจนสื่อใหญ่น้อยทั้งปวงในอังกฤษ รายงานข่าวนี้อย่างพร้อมเพรียง

ทั้งนี้ แม้จะระบุว่ายังต้องรอฟังคำยืนยันอย่างเป็นทางการ เดอะมิร์เรอร์ก็ได้รายงานกรอบเวลาไว้แล้วว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ ขณะที่เว็บไซต์ข่าวพีเพิลอธิบายว่าดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ทรงปรารถนาให้ทุกสิ่งเสร็จเรียบร้อยก่อนที่โรงเรียนแห่งใหม่ของพระโอรสและพระธิดา ณ ราชมณฑลบาร์กเชอร์ (เป็นเคาน์ตี้ติดกับลอนดอนฝั่งตะวันตก) จะเปิดเทอมในวันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2022

ที่ผ่านมา มีการเผยแหล่งข่าวของเรื่องนี้อย่างน้อยหนึ่งราย คือ คุณน้าแกรี โกลด์สมิธ ของดัชเชสเคท โดยคุณน้าผู้เป็นเศรษฐีเงินล้านในธุรกิจไอทีกล่าวกับนักข่าวเดอะซันว่า “หลานเคทและวิลเลียมจะงานยุ่งมากเป็นพิเศษในฤดูร้อนนี้ เพราะจะมีการย้ายครอบครัวไปบ้านใหม่ให้ใกล้กับควีนมากขึ้น ซึ่งจะต้องจัดเตรียมให้พระโอรสพระธิดาเข้าโรงเรียนใหม่ด้วย แต่ผมคิดว่าทั้งสองพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ล่ะครับ”

พระตำหนักอเดลเลด คอตเทจ อันงดงามด้วยสถาปัตยกรรมยุคศตวรรษที่ 17 และมีความอบอุ่นของบรรยากาศครอบครัวขนาดกะทัดรัดเพียง 4 ห้องนอน เป็นคำตอบแก่ความปรารถนาของเจ้าชายวิลเลียม และพระชายาเคท ที่จะอบรมเลี้ยงดูพระโอรสและพระธิดาให้มีพระไลฟ์สไตล์แบบเด็กทั่วไป ทั้งนี้ ห้องหับในพระตำหนักไม่มีเหลือให้แก่ข้าราชบริพารรายใดได้พักอาศัย และคอยถวายการดูแลตลอดคืนตลอดวัน ไม่ว่าจะเป็นพระพี่เลี้ยงมาเรีย บอร์ราลโญ ที่ใกล้ชิดเจ้าชายและเจ้าหญิงพระองค์น้อยมานานกว่า 8 ปีแล้ว หรือกระทั่งพ่อครัวแม่ครัว ข้าราชบริพารทุกคนต้องเดินทางมาปฏิบัติงานยังพระตำหนักแบบไปเช้าเย็นกลับ (กลับสู่เรือนพักซึ่งแม้จะอยู่ภายในเขตพระราชฐานวินด์เซอร์ แต่ก็ไกลจากพระตำหนักมากทีเดียว)

ด้วยระยะทางระหว่างพระตำหนักอเดลเลด กับปราสาทวินด์เซอร์ที่ประทับของควีนเอลิซาเบธ ใกล้กันแค่เดิน 10 นาที ผู้เชี่ยวชาญกิจการราชวงศ์อังกฤษจึงชี้ว่าสาเหตุสำคัญประการหนึ่งในการย้ายครอบครัวมาประทับที่พระตำหนักอเดลเลด คือเพื่อจะถวายการดูแลใกล้ชิดสมเด็จพระอัยยิกาเจ้าให้ปลอดจากความเสี่ยงที่อาจเกิดจากพระราชโอรสและพระราชนัดดา ซึ่งได้สร้างปัญหาและแรงกดดันมากมายต่อสถาบันกษัตริย์ครั้งแล้วครั้งเล่า

พระตำหนักอเดลเลด คอตเทจ ถูกสร้างถวายแก่ควีนอเดลเลดแห่งกษัตริย์วิลเลียมที่ 4 เมื่อปี 1831 โดยเป็นเรือนฉาบปูนสตัคโคอันงดงามที่ให้ความรู้สึกอ่อนหวานด้วยปล่องไฟแสนสวยกับบานหน้าต่างสองตอน ส่วนด้านหลังมีระเบียงต่อเนื่องกับสวนชอุ่มซึ่งได้รับการดูแลให้รักษาภูมิทัศน์ดั้งเดิมมาตลอด 200 ปี และด้านข้างเป็นเรือนส่วนต่อขยายก่อด้วยอิฐแดง โดยยาวจดถึงกำแพงพระตำหนักซึ่งมีห้องปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผนึกเป็นส่วนหนึ่งของตัวกำแพง
ปรินซ์วิลเลียมทรงปรารถนาให้โอรส-ธิดาเจริญพระชันษาเยี่ยง ‘เด็กทั่วไป’ มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

สาเหตุแห่งการตัดสินพระทัยโยกย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์ 1A แห่งพระราชวังเคนซิงตัน ซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬารด้วยห้องใช้สอยต่างๆ 20 ห้อง ภายในอาคาร 4 ชั้น เพื่อเสด็จไปประทับในพระตำหนักอเดลเลด คอตเทจ ที่มีขนาดกะทัดรัด 4 ห้องนอน อันเป็นสไตล์ของครอบครัวสมัยใหม่ที่ดูแลกันและกันใกล้ชิดอบอุ่นนั้น บรรดาสื่อมวลชนอังกฤษผู้สันทัดกรณีราชวงศ์วิเคราะห์ไว้หลายประการ

เว็บไซต์ขาใหญ่อย่าง เดอะซันรายงานว่า เจ้าชายวิลเลียม และดัชเชสเคททรงปรารถนาให้พระโอรสและพระธิดาได้เจริญพระชันษาขึ้นมาในพระไลฟ์สไตล์ประมาณเดียวกับ “เด็กทั่วไป” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีบ้านหลังย่อมซึ่งจะมีกันเฉพาะคุณพ่อคุณแม่และพี่ๆ น้องๆ ตลอดทั้งการมีความเป็นส่วนตัวสูง โดยที่ข้าราชบริพารจะมีจำนวนลดน้อยลงและจะถวายการดูแลแบบไปเช้าเย็นกลับ ซึ่งหมายถึงว่า เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายหลุยส์ จะทรงมีโอกาสทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองบ้าง ได้ดูแลกันและกันบ้าง ดูแลพระตำหนักบ้าง เฉกเช่นเด็กๆ ในครอบครัวทั่วไป

ซึ่งพระตำหนักอเดลเลด คอตเทจ ตอบโจทย์ดังกล่าวได้ดีเยี่ยม เพราะภายในพระตำหนัก 4 ห้องนอนแห่งนี้ ไม่มีห้องส่วนตัวให้แก่ข้าราชบริพารรายใดได้พักอาศัยด้วย แม้กระทั่งพระพี่เลี้ยงมาเรีย บอร์ราลโญ ที่ถวายการดูแลเจ้าชายและเจ้าหญิงพระองค์น้อยทั้งสาม ประดุจเป็นสมาชิกครอบครัวมาตลอด 8 ปี ก็ต้องพำนักในอาคารอื่นๆ ของพระราชฐานวินด์เซอร์ เดอะซันรายงาน

ด้านเว็บไซต์ข่าวพีเพิลรายงานว่า ขณะที่พระโอรสและพระธิดาทรงเจริญพระชันษามาในท่ามกลางสิทธิพิเศษต่างๆ นั้น เจ้าชายวิลเลียมทรงประสงค์ให้ชีวิตของแก้วตาดวงใจทั้ง 3 พระองค์ได้มีกิจกรรมครอบครัวเฉกเช่นเด็กๆ ทั่วไปมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น ได้มีพระกระยาหารมื้อเช้าและมื้อค่ำพร้อมหน้ากับพระบิดาพระมารดา ได้มีพระบิดาพระมารดาพาไปส่งโรงเรียนใกล้ๆ บ้าน ตลอดจนได้สรงน้ำโดยมีพระบิดาพระมารดาดูแลด้วยพระองค์เอง เป็นต้น

พระไลฟ์สไตล์ครอบครัวอบอุ่นที่เจ้าชายวิลเลียมและดัชเชสเคททรงโปรดปราน คือ พระโอรสและพระธิดาได้ไปโรงเรียนใกล้บ้าน โดยมีพระบิดาพระมารดาทรงพาไปส่งเหมือนเช่นเด็กๆ ทั่วไป ในภาพนี้ เป็นวันแรกที่เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ในชุดเครื่องแบบนักเรียนน่ารักน่ากอด เสด็จเข้าสู่ระบบการศึกษา โดยทรงเป็นนักเรียนโรงเรียนโทมัส แบตเตอร์ซี สกูล ในกรุงลอนดอน โรงเรียนเดียวกับพระเชษฐาจอร์จ

เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ (7 พรรษา) ทรงสนุกสนานทำขนมคัพเค้กกับพระมารดา ขณะที่เจ้าชายหลุยส์ (4 พรรษา) ตั้งอกตั้งใจร่อนแป้งอย่างมุ่งมั่นสุดๆ ในกิจกรรมครอบครัวอบขนมส่งไปสนับสนุนกิจกรรมปิกนิกอาหารกลางวันบนท้องถนน (จูบีลีปิกนิก) ที่ประชาชนร่วมกันจัดขึ้นทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบรอบ 70 ปีของควีนเอลิซาเบธ ณ วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน 2022

ประสบการณ์ติดดินในถิ่นธรรมชาติแบบนี้เลยที่เจ้าชายวิลเลียมและดัชเชสเคทโปรดปรานที่จะให้พระโอรสพระธิดาได้สัมผัสบ่อยๆ เฉกเช่นเด็กทั่วไป บรรยากาศแบบนี้มีมากมายในเขตพระราชฐานวินด์เซอร์ ส่วนสำหรับในภาพนี้ เป็นผลงานนิทรรศการ Back to Nature Garden (กลับคืนสู่สวนแห่งธรรมชาติ) ของดัชเชสเคทที่จัดให้แก่มหกรรมดอกไม้เชลซี RHS Chelsea Flower Show เมื่อปี 2019
ที่ผ่านมา เจ้าชายจอร์จ วัย 9 พรรษา และเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ วัย 7 พรรษา ทรงเล่าเรียนที่โทมัส แบตเตอร์ซี สกูล ในกรุงลอนดอน แหล่งข่าวมากมายให้ข้อมูลแก่สื่อสายพระราชวังว่า พระบิดาและพระมารดาทรงโยกย้ายให้เจ้านายพระองค์น้อยทั้งสองเข้าเรียนที่แลมบรูก สกูล อันเป็นโรงเรียนเอกชนชั้นเยี่ยม อายุเก่าแก่กว่า 160 ปี พร้อมนี้ เว็บไซต์ข่าวเคมบริดจ์นิวส์ให้ข้อมูลว่าเจ้าชายหลุยส์ วัย 4 พรรษา ก็จะเสด็จเข้าเล่าเรียนในสถาบันการศึกษาแห่งนี้ด้วยกันกับพระเชษฐาและพระเชษฐภคินี ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2022 ด้วย

นอกจากนั้น หลายหลากสื่อหัวสียังรายงานถึงอีกหนึ่งสาเหตุที่อาจมีส่วนสนับสนุนให้เจ้าชายวิลเลียมทรงตัดสินพระทัยย้ายพระราชฐานมาประทับในพื้นที่แห่งปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง กล่าวคือ สวนสวยของพระราชวังเคนซิงตันเป็นส่วนต่อเนื่องกับสวนสาธารณะเคนซิงตัน พาเลซ การ์เดนส์ ซึ่งเว็บไซต์ข่าวเดลีเมล์ยูเค รายงานว่าประชาชนสามารถส่องมองเข้าไปได้

เมื่อทรงย้ายไปประทับภายในเขตพระราชฐานวินด์เซอร์ ณ พระตำหนักใจกลางพื้นที่วินด์เซอร์ เกรท ปาร์ก แล้ว ปัญหาข้อนี้ก็เป็นอันว่าหมดสิ้น โดยจะทรงสามารถขี่ม้า เดินจูงสุนัขทรงเลี้ยง จัดปาร์ตี้เพื่อนนักเรียนแบบที่ไม่ต้องกังวลใดๆ

มาเรีย บอร์ราลโญ พระพี่เลี้ยงเชื้อสายสเปน ผู้ถวายการอภิบาลแด่เจ้าหญิงและเจ้าชายพระองค์น้อยทั้ง 3 พระองค์แห่งเคมบริดจ์ มักที่จะติดอยู่ในหลายๆ ภาพข่าวกิจกรรมพระราชวงศ์ เธอผ่านการคัดเลือกเข้าเป็นพระพี่เลี้ยงตั้งแต่ที่เจ้าชายจอร์จทรงพระเยาว์เพียง 8 เดือน ด้วยประวัติการศึกษาที่น่าเชื่อถือ ได้แก่ ปริญญาตรีคุรุศาสตร์ด้านเด็กเล็ก และอนุปริญญาของวิทยาลัยนอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำที่ให้การฝึกฝนการอภิบาลเด็กทารก นอกจากนั้น ยังผ่านการทดลองงานระยะ 12 เดือนมาได้อย่างดี ในภาพนี้เธออยู่ในชุดเก่งที่หยิบมาใช้บ่อยอย่างยิ่ง คือ ชุดเครื่องแบบของวิทยาลัยนอร์แลนด์แห่งประเทศอังกฤษ
สาเหตุสำคัญที่สุดอาจเป็นเรื่องรอรับใช้ใกล้ชิด “ควีน” เพื่อให้ทรงปลอด “ความเสี่ยงจากปัญหามัวหมอง”

แหล่งข่าวใกล้ชิดเจ้าชายวิลเลียมและดัชเชสเคทให้ข้อมูลแก่เดลีเมล์ ยูเค ว่า ทั้ง 2 พระองค์ทรงประสงค์ที่จะประทับใกล้ชิดสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เพราะสมเด็จพระอัยยิกาเจ้าทรงเจริญพระชนมพรรษา 96 พรรษาแล้ว และจึงทรงมีปัญหาด้านการเดิน ดังนั้น การประทับในเขตพระราชฐานวินด์เซอร์ โดยใกล้ชิดอย่างยิ่งกับปราสาทที่ประทับในระยะเดินถึงกันภายใน 10 นาที จะเอื้อให้ทั้ง 2 พระองค์ทรงสามารถถวายการดูแลได้อย่างใกล้ชิด พร้อมกับมีความสะดวกที่จะพาพระโอรสพระธิดาพระองค์น้อยไปถวายความชื่นใจได้บ่อยๆ

สำนักข่าวเอเอฟพีนำเสนอประเด็นไว้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า ในฐานะที่เจ้าชายวิลเลียมทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 ของราชบัลลังก์อังกฤษนั้น การที่เจ้าชายวิลเลียมจะย้ายพระราชฐานไปประทับใกล้ชิดสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะเป็นประโยชน์ถึง 2 สถาน โดยสรุปดังนี้

ในประการแรก จะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่บทบาทของเจ้าชายวิลเลียม ณ วงในขั้นสุดของพระราชตระกูล

ในประการที่สอง จะได้ทรงปฏิบัติหน้าที่อัศวินองครักษ์พิทักษ์สมเด็จพระราชินีนาถ เช่น ช่วยปกป้องสมเด็จพระราชินีนาถให้ทรงปลอดความเสี่ยงจากปัญหามัวหมองที่อาจเกิดจากเจ้าชายแอนดรูว์ ผู้ทรงเป็นพระโอรสพระองค์ที่สาม รองจากเจ้าฟ้าหญิงแอนน์

ทั้งนี้ เจ้าชายแอนดรูว์ เสด็จอาของเจ้าชายวิลเลียม มักที่จะสร้างปัญหาที่ส่งผลเสียหายต่อสถาบันกษัตริย์ด้วยเรื่องอื้อฉาวทางการเงินและเรื่องอื้อฉาวการล่วงละเมิดทางเพศ โดยทรงสนิทสนมใกล้ชิดกับเจฟฟรีย์ เอปสทีน ผู้กระทำความผิดด้านค้ามนุษย์บำเรอกาม อีกทั้งยังทรงพัวพันในคดีล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กหญิงวัยต่ำกว่า 17 ปี ซึ่งเจ้าชายแอนดรูว์ทรงไม่สามารถเคลียร์พระองค์ออกจากความหมองมัวได้ ส่งผลเป็นกระแสความรู้สึกโกรธเคืองที่ประชาชนมีต่อเจ้าชายแอนดรูว์ และทำให้เจ้าชายแอนดรูว์ถูกกดดันให้งดเว้นจากพระราชกิจทั้งปวง

แต่ในช่วงต้นปีนี้ เจ้าชายแอนดรูว์ทรงพยายามจะกลับสู่เวทีสาธารณะพร้อมหน้ากับพระราชวงศ์ โดยในเดือนมีนาคม 2022 เจ้าชายแอนดรูว์ ทรงตีเนียนตามเสด็จควีนเอลิซาเบธที่ 2 เข้าร่วมพระราชพิธีมิสซารำลึกถึงเจ้าชายฟิลิป พระบิดาผู้ทรงล่วงลับเสด็จสู่สวรรคาลัยครบรอบ 1 ปี

หลังจากประสบความสำเร็จในครานั้น เจ้าชายแอนดรูว์ทรงเกือบจะสามารถกระทำการได้อีกครั้งหนึ่ง โดยทรงเตรียมที่จะเข้าร่วมพิธีแห่อันยิ่งใหญ่อลังการแห่งพระราชพิธีเฉลิมฉลองวันอัศวินการ์เตอร์ เมื่อ 13 มิถุนายน 2022 ซึ่งมีการถ่ายทอดออกอากาศทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม นานาสมาชิกแห่งราชตระกูลอังกฤษต่างตระหนักดีว่าหากเจ้าชายแอนดรูว์ทรงสามารถกลับสู่เวทีสาธารณะพร้อมหน้ากับพระราชวงศ์ได้อีกคราหนึ่ง ความโกรธเคืองในหมู่สาธารณชนต่อเจ้าชายแอนดรูว์อาจทวีตัวขึ้นเป็นกระแสรุนแรง พร้อมกับสร้างแรงกดดันเข้าเล่นงานสถาบันกษัตริย์โดยไม่จำเป็น

ดังนั้น เจ้าชายวิลเลียม ผู้ซึ่งสมเด็จพระราชินีนาถทรงรักและไว้วางพระทัยอย่างที่สุด จึงก้าวออกมาป้องกันปัญหา โดยสื่อมวลชนรายงานข่าวว่า เจ้าชายวิลเลียมทรงกราบทูลคัดค้านอย่างจริงจังต่อสมเด็จพระราชินีนาถ เป็นความจริงจังอันเด็ดเดี่ยวระดับที่รายงานกันว่า เจ้าชายวิลเลียมกราบทูลควีนเอลิซาเบธที่ 2 “หากมีเสด็จอา จะไม่มีหม่อมฉัน” เพราะพระองค์จะทรงถอนตัวจากพระราชพิธีอย่างแน่นอน

ผลที่เกิดขึ้นคือ เจ้าชายแอนดรูว์ทรงถูกคัดชื่อออกจากรายพระนามและรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมพระราชพิธี โดยบรรดาสื่อหัวสีเจ้าดังทั้งปวงของอังกฤษรายงานตรงกันว่าเป็นการตัดออกจากบัญชีรายชื่อแบบว่าแทบจะนาทีท้ายๆ

เจ้าชายแอนดรูว์ทรงตามเสด็จควีนเอลิซาเบธไปในรถยนต์พระที่นั่งจากปราสาทวินเซอร์ ไปยังพระราชพิธีมิสซารำลึกถึงเจ้าชายฟิลิป พระบิดาผู้ทรงล่วงลับครบรอบ 1 ปี ณ โบสถ์เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ พร้อมกับประคองพระราชมารดาเข้าสู่ด้านในของโบสถ์ และได้ปรากฏเป็นข่าวฮือฮา เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2022 ตลอดจนสร้างความไม่สบายพระทัยแก่สมาชิกแห่งราชตระกูล ซึ่งทรงตระหนักดีถึงกระแสความโกรธเคืองที่ประชาชนมีต่อข่าวอื้อฉาวต่างๆ ของเจ้าชายแอนดรูว์

เจ้าชายแอนดรูว์ทรงนั่ง ณ แถวหน้าร่วมกับเจ้าฟ้าชายเอดเวิร์ดและราชตระกูลสายเวสเซกซ์ อันเป็นระนาบเดียวกับแถวที่นั่งของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับดัชเชสคามิลลา พระชายา และเจ้าฟ้าหญิงแอนน์กับพลเรือโทเซอร์ทิโมที ลอเรนซ์ พระสวามี   ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านราชวงศ์อังกฤษฟันธงว่าเจ้าชายแอนดรูว์ทรงประสบความสำเร็จในการกลับสู่เวทีสาธารณะพร้อมหน้ากับพระราชวงศ์
ในการนี้ เอเอฟพีชี้ประเด็นว่าพระตำหนัก Royal Lodge ที่เจ้าชายแอนดรูว์ทรงพำนักนั้น อยู่ใกล้ปราสาทวินเซอร์ในระยะแค่ 5.1 กิโลเมตร ซึ่งเอื้อให้สามารถเข้าถึงสมเด็จพระราชมารดาได้ทุกวัน

สกู๊ปของเอเอฟพีเมื่อเดือนมิถุนายนจึงมีการอ้างถึงรายงานข่าวหลายสำนัก บอกว่าเพื่อที่เจ้าชายวิลเลียม จะทรงใกล้ชิดควีนเอลิซาเบธที่ 2 มากขึ้น พระองค์จึงทรงมีกำหนดการจะย้ายครอบครัวออกจากอพาร์ตเมนต์ 1A ในพระราชวังเคนซิงตัน เพื่อเสด็จประทับยังพระตำหนักเล็กๆ ใกล้กับปราสาทวินด์เซอร์ระยะขว้างก้อนหินถึง โดยยังไม่มีสื่อมวลชนรายใดทราบชื่อของพระตำหนักด้วยซ้ำ ทราบแต่เพียงว่าเป็นพระตำหนักที่มีเพียง 4 ห้องนอนเท่านั้น

พร้อมนี้ เอเอฟพีชี้ประเด็นไว้ด้วยว่าการที่เจ้าชายวิลเลียมทรงประทับใกล้ชิดสมเด็จพระอัยยิกาเจ้า ย่อมจะเอื้อแก่การป้องกันปัญหาที่เจ้าชายแอนดรูว์ทรงสามารถจะสร้างขึ้นแก่สถาบันกษัตริย์อังกฤษได้อย่างทรงประสิทธิภาพ แต่เอเอฟพีไม่ถึงกับระบุว่าเมื่อใดที่เจ้าชายแอนดรูว์เสด็จเข้าเฝ้าควีนเอลิซาเบธที่ 2 เจ้าชายวิลเลียมก็จะเสด็จตามเข้าไปประกบเมื่อนั้น

จับตา 2 ปรินซ์วิลเลียม-แฮร์รี ซึ่งบัดนี้มีตำหนักใกล้กันแล้ว จะพบปะกันไหมเมื่อเจ้าชายแฮร์รีจะมาอังกฤษต้น ก.ย. หลังจากไม่มีนัดพบกันเลยใน มิ.ย.

หากรายงานข่าวของสื่ออังกฤษไม่ผิดพลาด กล่าวคือ เจ้าชายยวิลเลียม จะทรงย้ายครอบครัวไปประทับที่พระตำหนักอเดลเลด คอตเทจ ในเขตพระราชฐานโฮมปาร์ก วินด์เซอร์ ภายในปลายเดือนสิงหาคมนี้ ท่านผู้ชมทั่วโลกก็สามารถตั้งตารอข่าวคืบหน้าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพระเชษฐาวิลเลียม กับพระอนุชาแฮร์รี ซึ่งมีภาพแห่งปัญหาในระหว่างกันโดยตลอด 3 ปีกว่าที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เว็บไซต์พีเพิล เจ้าพ่อข่าวราชวงศ์อังกฤษ เปิดประเด็นรอไว้แล้วว่า ในเมื่อเจ้าชายแฮร์รี และดัชเชสเมแกน มีหมายกำหนดการที่จะดำเนินงานด้านสังคมสงเคราะห์ในอังกฤษและเยอรมนีช่วงต้นเดือนกันยายน ซึ่งหมายถึงว่าทั้ง 2 พระองค์จะเข้าพักอาศัยในเขตพระราชฐานโฮมปาร์ก วินด์เซอร์ ณ พระตำหนักฟร็อกมอร์ คอตเทจ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้พระตำหนักอเดลเลดในระยะขับรถ 5 นาทีก็ถึงกันได้ ดังนั้น เจ้าชายสองศรีพี่น้องจะทรงมีการพบปะปฏิสัมพันธ์กันหรือไม่และอย่างไร

ในคราวที่เจ้าชายแฮร์รี กับพระชายาเมแกน เสด็จจากแคลิฟอร์เนียมายังกรุงลอนดอน ในช่วงวันที่ 1-4 มิถุนายน 2022 เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีเฉลิมฉลองแพลทินัม จูบิลี โดยพักที่พระตำหนักฟรอกมอร์ คอตเทจในเขตพระราชฐานวินด์เซอร์นั้น เว็บไซต์ข่าว Page Six หนึ่งในเจ้าพ่อข่าวราชวงศ์อังกฤษรายงานว่า เจ้าชายแฮร์รีทรงไม่มีพระโมเมนต์ส่วนพระองค์กับพระเชษฐาเลย แต่ได้นำพระธิดาลิลิเบต เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้นำช่างภาพตามเสด็จ เพราะควีนทรงมีจุดแดงในพระเนตร ซึ่งจะทำให้ภาพออกมาไม่งดงาม
สาเหตุที่สื่อสำนักต่างๆ ที่เล่นข่าวสายราชวงศ์อังกฤษแสดงความคึกคักต่อประเด็นนี้ เป็นเพราะในช่วง 4 วันแห่งพระราชพิธีเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบรอบ 70 ปีของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อวันที่ 2-5 มิถุนายน 2022 ซึ่งดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ทรงเดินทางจากสหรัฐอเมริกามาเข้าร่วมนั้น ได้มีข่าวจี๊ดจ๊าดหัวใจเกี่ยวกับเจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ กับเจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ ปรากฏตามเว็บไซต์ข่าวต่างๆ ว่าพระอนุชาแฮร์รีทรงเชิญพระเชษฐาวิลเลียมเสด็จร่วมปาร์ตี้วันเกิดหนึ่งขวบของพระธิดา คือ คุณลิลิเบตแห่งซัสเซกซ์ ในวันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน

อย่างไรก็ตาม พระเชษฐามิได้ตอบรับคำเชิญ เพราะทรงมีหมายกำหนดการเสด็จเยือนเมืองคาร์ดิฟฟ์ในแคว้นเวลส์ เพื่อเข้าร่วมใกล้ชิดกับกิจกรรมที่ชาวเมืองจัดฉลองให้แก่สมเด็จพระราชินีนาถ หากแต่ทรงเขียนคำอวยพรวันเกิดอย่างน่ารักให้แก่น้องลิลิเบตขึ้นบนอินสตาแกรม อันเป็นแนวปฏิบัติเดียวกันกับสมาชิกต่างๆ แห่งพระราชวงศ์

“เรื่องต่างๆ ยังตึงเครียด – เจ้าชายวิลเลียมยังทรงระมัดระวังพระองค์ที่จะไม่ให้มีการพบปะสนทนาเป็นการส่วนพระองค์โดยลำพังกับเจ้าชายแฮร์รี เพราะคุณไม่มีทางทราบได้เลยว่าอาจจะมีอะไรเป็นข่าวสะท้อนกลับมาในภายหลัง” แหล่งข่าววงในของราชสำนักกล่าวไว้อย่างนั้นกับสื่อหัวสียี่ห้อ Page Six ของอังกฤษ

ในกระแสข่าวที่ตั้งประเด็นขึ้นมาว่าเจ้าชายวิลเลียมกับเจ้าชายแฮร์รีจะทรงมีพระมีตติ้งพบปะกันหรือไม่นั้น พีเพิลอ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยนาม รายงานว่ายังไม่มีกำหนดการที่ทั้ง 2 พระองค์จะนัดหมายพบปะกันใดๆ ในช่วงที่เจ้าชายแฮร์รีจะทรงมีกิจกรรมในอังกฤษ อันได้แก่ วันที่ 5 กันยายน และวันที่ 8 กันยายน โดยในวันที่ 6 กันยายน จะทรงมีกิจกรรมในเยอรมนี ซีเอ็นเอ็นลอนดอนรายงานหมายกำหนดการของเจ้าชายแฮร์รีไว้อย่างนั้น

สื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่าเจ้าชายแฮร์รี เชิญเจ้าชายวิลเลียม และครอบครัวร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดของพระธิดาลิลิเบต ในวันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน แต่พระราชตระกูลสายเคมบริดจ์มิได้ทรงเข้าร่วม ทั้งนี้ ในวันดังกล่าว เจ้าชายวิลเลียม พระชายาเคท และเจ้าชายจอร์จกับเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ เสด็จเยือนเมืองคาร์ดิฟฟ์ แคว้นเวลส์ เพื่อเข้าร่วมใกล้ชิดกับกิจกรรมเฉลิมฉลองแพลทินัม จูบิลี ที่ประชาชนจัดถวายแด่สมเด็จพระราชินีนาถ ขณะที่พระราชนิกุลพระองค์อื่นๆ ก็เสด็จเข้าร่วมกิจกรรมเฉลิมฉลองในจุดต่างๆ เช่น เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ ทรงเสด็จเป็นองค์ประธานมหกรรมการแข่งม้ารายการยักษ์ของโลกคือ เอปซอม ดาร์บี ในภาพนี้ เจ้าชายวิลเลียมทรงร่วมกับพระโอรสและพระธิดาในการสนทนากับประชาชนที่รอเข้าเฝ้าในเมืองคาร์ดิฟฟ์

ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายวิลเลียม กับเจ้าชายแฮร์รี ร้าวฉานสาหัส หลังกรณีให้สัมภาษณ์แฉหมดเปลือก ที่เจ้าชายแฮร์รี และพระชายาเมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ประทานสัมภาษณ์แก่โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรคนดัง และมีการออกอากาศผ่านเครือข่ายโทรทัศน์อเมริกันที่แพร่หลายสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วโลกในเดือนมีนาคม 2021 โดยเจ้านายแห่งซัสเซกซ์ทรงกล่าวโจมตีพระราชวงศ์อังกฤษในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่ดัชเชส ซึ่งเป็นชาวอเมริกันที่มีเชื้อสายแอฟริกันจากคุณแม่ ระบุว่าสมาชิกในราชตระกูลวินด์เซอร์มีทัศนคติเหยียดผิว โดยตั้งคำถามว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าชายแฮร์รีในครรภ์ของดัชเชสเมแกนจะมีสีผิวใด นอกจากนั้น ยังมีการเลือกปฏิบัติ ไม่มอบบรรดาศักดิ์เจ้าชายให้แก่พระโอรสอาร์ชี เสมือนกับที่พระโอรสพระธิดาของเจ้าชายวิลเลียมต่างได้รับกันทุกพระองค์ การประทานสัมภาษณ์ดังกล่าวซึ่งยาวนานกว่า 2 ชั่วโมง และเต็มไปด้วยข้อกล่าวหาโจมตีพระราชวงศ์อังกฤษ ได้ผลกระทบกดดันสถาบันกษัตริย์อังกฤษอย่างรุนแรงแม้จะมีการอธิบายกฎมณเฑียรบาลที่ทำให้คุณอาร์ชีมิได้เป็นเจ้าชายให้เป็นที่เข้าใจกันแล้วก็ตาม และแม้ดัชเชสเมแกนก็ไม่สามารถระบุว่าสมาชิกพระราชวงศ์พระองค์ใดเป็นผู้พูด (เพื่อจะพิสูจน์ความถูกต้องต่อไป) ก็ตาม
อาจมีการพบปะกันแบบนอกกำหนดการระหว่างเจ้าชายวิลเลียม-เจ้าชายแฮร์รี เซอร์ไพรส์เกิดขึ้นได้เสมอ

ในท่ามกลางข่าวเมาท์มอยของสื่อมวลชนสายราชวงศ์ซึ่งอื้ออึงในช่วงต้นเดือนมิถุนายนเมื่อเจ้าชายแฮร์รี ทรงนำพระธิดาลิลิเบตเข้าเฝ้าควีนเอลิซาเบธ และควีนทรงไม่อนุญาตให้เจ้าชายแฮร์รีพาช่างภาพเข้าวังด้วยกัน เพราะทรงมีรอยจุดแดงในพระเนตร ซึ่งจะทำให้ภาพออกมาไม่งดงาม สื่อสำนักต่างๆ รายงานการคาดคะเนของผู้สันทัดกรณีที่ไม่ประสงค์จะออกนาม ไว้หลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 ประการที่เว็บไซต์ข่าว 7news.com.au นำเสนอไว้ดังนี้

หนึ่ง ควีนทรงไม่ประสงค์ให้ภาพที่บันทึกกันเป็นการภายในและอาจแลเสมือนหนึ่งว่าพระองค์ทรงพระประชวร นั้น “รั่วไหล” สู่มือของสื่อมวลชนในอังกฤษ

สอง ควีนทรงไม่ประสงค์ที่จะได้เห็นว่า ภาพระหว่างการพบปะครั้งนี้ “ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่” ไปโผล่บนเครือข่ายโทรทัศน์ของสหรัฐอเมริกา หรือกระทั่งไปปรากฏในเนื้อหาของภาพยนตร์ที่เจ้าชายแฮร์รีและพระชายาเมแกนทรงมีพันธะที่ต้องผลิตขึ้นมาภายใต้ข้อตกลงธุรกิจที่ทรงมีอยู่กับบริษัทผู้ให้บริการทีวีออนไลน์ เน็ตฟลิกซ์

ดังนั้น จึงอาจมีการพบปะกันแบบนอกกำหนดการระหว่างเจ้าชายวิลเลียมกับเจ้าชายแฮร์รี เช่น หากเจ้าชายแฮร์รีได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระอัยยิกาเจ้า เจ้าชายวิลเลียมอาจเสด็จตามไปสมทบแบบอัศวินองครักษ์พิทักษ์สมเด็จพระราชินีนาถ อันเป็นเซอร์ไพรส์ที่สามารถปรากฏได้เป็นบางครั้งบางคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งเดือนกันยายน

ทั้งนี้ เดือนกันยายนเป็นห้วงเวลาซึ่งใกล้จะถึงกำหนดอันเหมาะควรแก่การปิดต้นฉบับหนังสือบันทึกความทรงจำตามที่เจ้าชายแฮร์รีทรงเคยแถลงข่าวไว้ และตามที่สำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของโลกคือ เพนกวิน แรนดอม เฮาส์ ประกาศว่าบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รีจะวางตลาดภายในปี 2022 และหากมีประเด็นใหม่สดและน่าประทับใจให้ไปชูรสชูโรงแก่หนังสือ ก็จะเป็นของขวัญอันยอดเยี่ยมสำหรับบันทึกความทรงจำเล่มนี้

หากการตัดสินพระทัยของเจ้าชายวิลเลียมเป็นจริงตามกระแสข่าว ก็ต้องนับว่าเป็นพระกุศโลบายอันทรงคุณค่าในหลายด้านซึ่งล้วนแต่สำคัญ ขณะเดียวกัน ก็มิได้สร้างความเสียหายต่อราชตระกูลสายเคมบริดจ์ ดังที่เว็บไซต์ข่าวซันเดย์ไทมส์ให้ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องไว้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนว่า เจ้าชายวิลเลียมจะทรงรักษาอสังหาริมทรัพย์ในพระราชวังเคนซิงตันไว้เพื่อเป็นพระราชฐานในกรุงลอนดอน และทีมงานประชาสัมพันธ์ของพระองค์จะยังปักหลักที่เดิมในลอนดอนตะวันตก

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงถูกเอ่ยถึงในรายงานข่าวหลายหลากสำนัก ว่าทรงได้พบกับคุณลิลิเบต และทรงมีความสุขพระทัยอย่างยิ่ง  ทั้งนี้ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมายังไม่ปรากฏภาพถ่ายที่ระลึกการพบปะดังกล่าวแต่อย่างใด
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา : เดลิเมล์ยูเค พีเพิล เดอะมิร์เรอร์ เดอะเทเลกราฟ เดอะซัน เดอะซันเดย์ไทมส์ ซีเอ็นเอ็น เคมบริดจ์นิวส์ เพจซิกส์ 7news.com.au เอเอฟพี เอพี รอยเตอร์)



กำลังโหลดความคิดเห็น