xs
xsm
sm
md
lg

ทูตสหรัฐฯ วอนรัสเซีย ‘อย่าสั่งปิดสถานทูตมะกัน’ แม้สัมพันธ์เลวร้าย ย้ำสองมหาอำนาจนิวเคลียร์ยังต้องคุยกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และจอห์น ซัลลิแวน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำรัสเซียคนใหม่ ขณะเข้าร่วมพิธีต้อนรับคณะทูตต่างประเทศประจำรัสเซียที่ทำเนียบเครมลิน เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ปี 2020
จอห์น เจ. ซัลลิแวน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมอสโก เรียกร้องรัฐบาลรัสเซียว่าอย่าได้สั่งปิดสถานทูตสหรัฐฯ เป็นอันขาด แม้วิกฤตการณ์ในยูเครนจะทำให้ความสัมพันธ์ย่ำแย่แค่ไหนก็ตาม พร้อมย้ำว่าอย่างไรเสีย 2 ชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์รายใหญ่ที่สุดของโลกยังจำเป็นต้องพูดคุยกัน

ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน เอ่ยถึงการส่งทหารรุกรานยูเครนว่าเป็น “จุดเปลี่ยน” ในประวัติศาสตร์รัสเซีย และเป็นการปฏิวัติต่อต้านการครองความเป็นใหญ่ (hegemony) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้นำเครมลินบอกว่าใช้อิทธิพลข่มเหงรัสเซียมาตลอดตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลายเมื่อปี 1991

ฝ่ายยูเครน และบรรดารัฐตะวันตกที่ให้การสนับสนุนอ้างว่า นี่คือการต่อสู้เพื่อให้ยูเครนรอดพ้นจากแผนยึดดินแดนเยี่ยงนักล่าอาณานิคมซึ่งได้คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปแล้วนับพันคน ทำให้ชาวยูเครนอีกกว่า 10 ล้านต้องพลัดถิ่นฐาน และทำให้เมืองต่างๆ ของยูเครนกลายสภาพเป็นที่ดินรกร้าง (wasteland)

ซัลลิแวน ซึ่งเป็นเอกอัครราชทูตที่ได้รับการแต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว TASS ว่า วอชิงตันและมอสโกไม่ควรจะตัดสัมพันธ์ทางการทูตกันง่ายๆ

“เราจะต้องคงไว้ซึ่งความสามารถในการพูดคุยกันเสมอ” เขากล่าว

ทูตอเมริกันผู้นี้ยังฝากเตือนไปยังชาติตะวันตกว่าไม่ควรที่จะถอดหนังสือของ เลโอ ตอลสตอย (Leo Tolstoy) นักเขียนชาวรัสเซียออกจากชั้นวาง และไม่จำเป็นที่จะต้องปฏิเสธการบรรเลงเพลงของ “ปิออตร์ ไชคอฟสกี” (Pyotr Tchaikovsky) ด้วย

สหรัฐฯ สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหภาพโซเวียตในปี 1933 และแม้จะผ่านวิกฤตการณ์และการเผชิญหน้าอย่างล่อแหลมมาแล้วหลายครั้งในยุคสงครามเย็น ทว่าวอชิงตันและมอสโกก็ไม่เคยตัดความสัมพันธ์กันโดยสิ้นเชิง

อย่างไรก็ดี รัสเซียประกาศแล้วว่าการ “เล่นเอาเถิดเจ้าล่อ” กับตะวันตกในยุคหลังสหภาพโซเวียตได้จบสิ้นลงแล้ว และหลังจากนี้มอสโกจะหันไปขยายความร่วมมือกับมิตรประเทศในซีกโลกตะวันออก

เมื่อเดือนที่แล้ว แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ออกมาแขวะมอสโกด้วยการบอกว่า ขออุทิศเพลง ‘We Are Never Ever Getting Back Together’ ของศิลปินสาวชื่อดัง เทย์เลอร์ สวิฟต์ ให้แก่ประธานาธิบดี ปูติน

ซัลลิแวน วัย 62 ปี กล่าวกับ TASS ว่า “เราไม่มีวันตัดสัมพันธ์กันได้อย่างเด็ดขาด” และย้ำว่าการสั่งปิดสถานทูตระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียนั้นจะเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรง

“ตามที่ผมเข้าใจ รัฐบาลรัสเซียเคยพูดถึงการตัดความสัมพันธ์ทางการทูต... แต่เราไม่สามารถตัดความสัมพันธ์และเลิกคุยกันไปได้ง่ายๆ” เขาเตือน

“สาเหตุเดียวที่ผมนึกออกซึ่งอาจทำให้สหรัฐฯ จำเป็นต้องปิดสถานทูต นั่นก็คือเมื่อเจ้าหน้าที่ของเราไม่สามารถปฏิบัติงานที่นี่ได้อย่างปลอดภัย”

ที่มา : รอยเตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น