xs
xsm
sm
md
lg

ชักเข้าชักออก! รบ.สหรัฐฯ คืนข้อความ ‘ไม่หนุนเอกราชไต้หวัน’ กลับสู่เว็บไซต์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อัปเดตเอกสารสรุปข้อมูลสำคัญ (fact sheet) เกี่ยวกับความสัมพันธ์วอชิงตัน-ไทเป อีกครั้ง คราวนี้คืนสถานะถ้อยคำประโยคหนึ่งที่ไม่สนับสนุนเอกราชอย่างเป็นทางการของเกาะแห่งนี้ที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่จีนอ้างเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน

เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงเอกสารสรุปข้อมูลสำคัญ (fact sheet) เกี่ยวกับประเด็นไต้หวัน บนเว็บไซต์ของกระทรวการต่างประเทศ โดยได้ลบข้อความที่ประกาศไม่สนับสนุนให้ไต้หวันแยกตัวเป็นเอกราช และการยอมรับจุดยืนของปักกิ่งที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนออกไป ความเคลื่อนไหวที่โหมกระพือความขุ่นเคืองแก่ปักกิ่ง

เวลานั้นวอชิงตันอ้างว่าการอัปเดตดังกล่าวไม่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบาย และเวลานี้ได้มีการปรับแก้ถ้อยคำดังกล่าวอีกครั้ง คืนสถานะประโยคๆ หนึ่งที่ระบุว่า "เราไม่สนับสนุนเอกราชไต้หวัน"

การแก้ไขครั้งนี้รายงานแห่งแรกโดยสำนักข่าวกลางไต้หวันในวันศุกร์ (3 มิ.ย.) และดูเหมือนจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม วันเวลาที่ปรากฏอยู่ด้านบนของเอกสารสรุปข้อมูลสำคัญ

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

เนด ไพรซ์ โฆษกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในเดือนพฤษภาคม ว่าสหรัฐฯ ไม่สนับสนุนเอกราชไต้หวัน และ "เราเน้นย้ำเรื่องนี้อย่างชัดเจนทั้งต่อสาธารณะและเป็นการส่วนตัว"

ไต้หวัน เป็นรัฐเอกราชโดยพฤตินัยอยู่แล้ว ผ่านการรับรองของนานาชาติที่ค่อนข้างจำกัดวงอย่างมาก วอชิงตันไม่มีความพันธ์อย่างเป็นทางการกับไทเป แต่เป็นผู้สนับสนุนระหว่างประเทศและผู้จัดหาอาวุธรายสำคัญที่สุดของพวกเขา

ชื่ออย่างเป็นทางการของไต้หวันยังเป็นสาธารณรัฐจีน ชื่อของรัฐบาลที่หลบหนีมายังเกาะแห่งนี้ในปี 1949 หลังประสบความพ่ายแพ้ในสงครามกลางเมืองแก่พรรคคอมมิวนิสต์ ที่ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีกรุงปักกิ่งเป็นเมืองหลวง

เมื่อปี 2005 รัฐบาลจีนผ่านกฎหมายฉบับหนึ่งซึ่งมอบพื้นฐานทางกฎหมายแก่ปักกิ่งสำหรับใช้ปฏิบัติการทางทหาร หากพิจารณาแล้วว่าไต้หวันเตรียมแยกตัวอย่างเป็นทางการหรือตั้งใจทำเช่นนั้น

รัฐบาลไต้หวันระบุว่า เกาะที่มีประชากร 25 ล้านคนแห่งนี้ มีสิทธิในการตัดสินใจอนาคตของตนเอง และแม้ต้องการสันติภาพ แต่ก็พร้อมปกป้องตนเองหากถูกโจมตี

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น