องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่าจะพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงเพิ่มขึ้นในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก พร้อมยกระดับการเฝ้าระวังในประเทศต่างๆ ที่ยังไม่พบผู้ป่วย หลังมีรายงานเมื่อวันเสาร์ (21 พ.ค.) ว่าพบผู้ติดเชื้อยืนยัน 92 ราย และผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิงอีก 28 ราย ใน 12 ประเทศที่ไม่ใช่ถิ่นการระบาด
WHO เตรียมจะเผยแพร่คำแนะนำและแนวทางปฏิบัติสำหรับประเทศต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของฝีดาษลิง ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“จากข้อมูลที่มีอยู่บ่งชี้ว่า การแพร่เชื้อระหว่างคนสู่คนจะเกิดขึ้นเฉพาะในผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดทางกายกับผู้ป่วยที่แสดงอาการ” WHO ระบุในถ้อยแถลง
ฝีดาษลิงเป็นโรคติดเชื้อที่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง และพบได้บ่อยในภูมิภาคแอฟริกากลางและตะวันตก และเนื่องจากเป็นโรคที่ติดต่อผ่านการสัมผัสใกล้ชิด หากใช้มาตรการกักตัวและการรักษาสุขอนามัยที่ดีก็จะสามารถควบคุมโรคได้ไม่ยาก
เดวิด เฮย์มานน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของ WHO ให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้คือการที่เชื้อจะแพร่สู่ประชากรผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้เกิดการแพร่กระจายไปทั่วโลก
เฮย์มานน์ ย้ำว่า “การสัมผัสใกล้ชิด” คือช่องทางหลักในการแพร่กระจายของฝีดาษลิง เนื่องจากแผลบนร่างกายผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ง่ายมาก ตัวอย่างเช่น พ่อแม่ซึ่งดูแลลูกที่ป่วยมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ รวมไปถึงบุคลากรด้านสาธารณสุข และด้วยเหตุนี้บางประเทศจึงเริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษ (smallpox) ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสในตระกูลเดียวกันให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่จะต้องดูแลผู้ป่วยฝีดาษลิง
อย่างไรก็ดี เฮย์มานน์ ยืนยันว่าการระบาดของฝีดาษลิงครั้งนี้ “แตกต่าง” จากโควิด-19 ซึ่งแพร่กระจายได้ง่ายกว่ากันมาก และผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจจะเคยสัมผัสกับผู้ป่วยฝีดาษลิง หรือเริ่มแสดงอาการไข้และมีผื่นขึ้นตามตัว ก็ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดบุคคลอื่น
“เรามีวัคซีนที่สามารถสู้กับมันได้ แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ คุณสามารถปกป้องตัวเองจากโรคนี้ได้” เขากล่าว
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (22) ว่า การพบผู้ป่วยฝีดาษลิงเพิ่มขึ้นทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ “น่ากังวล” และตนยังไม่ได้รับรายงานอย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเกี่ยวกับระดับการแพร่กระจายของโรคในสหรัฐฯ
“มันเป็นสิ่งที่ทุกคนควรต้องกังวล” ไบเดน ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ก่อนจะขึ้นเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันจากเกาหลีใต้มุ่งหน้าไปยังกรุงโตเกียว
“มันน่ากังวลตรงที่ว่า ถ้าโรคนี้แพร่กระจายออกไปก็ย่อมจะเกิดผลกระทบตามมา เรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาวิธีรับมือและดูว่าจะมีวัคซีนตัวไหนบ้างที่สามารถป้องกันมันได้”
สหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 รายแรกของปีนี้เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ในรัฐแมสซาชูเซตส์ และล่าสุดเพิ่งจะพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มอีก 1 รายที่รัฐฟลอริดาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (22)
ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี