แมคโดนัลด์ (McDonald’s) เครือร้านอาหารฟาสต์ฟูดชื่อดังจากสหรัฐฯ ประกาศถอนกิจการออกจากรัสเซีย และเตรียมขายร้านสาขา 850 แห่งที่ดำเนินกิจการมานานกว่า 3 ทศวรรษตั้งแต่หลังสิ้นสุดสงครามเย็น โดยเป็นผลสืบเนื่องจากการที่มอสโกส่งทหารรุกรานยูเครน
แมคโดนัลด์ซึ่งเปิดสาขาแรกในกรุงมอสโกในปี 1990 หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลายลงเกือบ 2 ปี ยอมรับว่า การตัดสินใจถอนธุรกิจจากแดนหมีขาวเป็นเรื่องยากลำบาก แต่ก็ “จำเป็น”
“วิกฤตมนุษยธรรมที่เกิดขึ้นจากสงครามในยูเครน ตลอดจนบรรยากาศในการทำธุรกิจที่คาดเดาไม่ได้ ทำให้แมคโดนัลด์ได้ข้อสรุปว่า การถือครองกิจการในรัสเซียไม่ใช่เรื่องสมเหตุสมผลอีกต่อไป และยังขัดแย้งกับค่านิยมของแมคโดนัลด์ด้วย” ถ้อยแถลงของแมคโดนัลด์ ระบุ
แมคโดนัลด์ประกาศจะ “ขายร้านสาขาทั้งหมดในรัสเซียให้แก่ผู้ซื้อในท้องถิ่น” ซึ่งหลังจากที่ขายกิจการแล้ว ร้านเหล่านี้จะไม่สามารถใช้ชื่อ โลโก้ แบรนด์ หรือเมนูต่างๆ ของแมคโดนัลด์อีกต่อไปได้ ทว่าบริษัทจะยังเป็นผู้ถือสิทธิเครื่องหมายการค้าในรัสเซียต่อไป
แมคโดนัลด์มีร้านสาขาอยู่ทั้งหมด 850 แห่งในรัสเซีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 9% ของรายได้ทั้งหมด และ 3% ของผลกำไรจากการดำเนินงาน (operating profit) และมีการว่าจ้างพนักงานในรัสเซียประมาณ 62,000 คน
ทั้งนี้ แมคโดนัลด์คาดว่าจะมีหนี้สูญจากการขายกิจการครั้งนี้ราวๆ 1,200-1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง เช่น แอปเปิล แมคโดนัลด์ เป๊ปซี่ โคคาโคล่า เรื่อยไปจนถึง Netflix ต่างประกาศถอนธุรกิจหรือระงับกิจการในรัสเซียชั่วคราว หลังจาที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน สั่งเริ่ม “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ในยูเครนเมื่อปลายเดือน ก.พ.
ล่าสุด ค่ายรถยนต์เรโนลต์ (Renault) ของฝรั่งเศสได้ประกาศขายหุ้น 68% ที่ถืออยู่ในบริษัท AvtoVAZ ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย รวมไปถึงทรัพย์สินท้องถิ่นให้แก่รัฐบาลมอสโกเมื่อวานนี้ (16) ซึ่งถือเป็นการแปรรูปกลับมาเป็นของรัฐ (nationalization) ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ชาติตะวันตกเริ่มคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียเพื่อตอบโต้สงครามในยูเครน
ที่มา : เอเอฟพี