รัสเซียเปลี่ยนท่าทีต่อแนวโน้มที่ยูเครนจะกลายเป็นสมาชิกอียู จากการเปิดเผยของ ดมิทรี โพลยานสกีย์ รองผู้แทนถาวรของมอสโกประจำสหประชาชาติ เปิดเผยระหว่างให้สัมภาษณ์ในวันพฤหัสบดี (12 พ.ค.) ระบุเป้าหมายดังกล่าวไม่อาจเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพกับเคียฟอีกต่อไป สืบเนื่องจากคำพูดเร็วๆ นี้ของหัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป
ดมิทรี โพลยานสกีย์ ระบุว่า ก่อนหน้านี้รัสเซียไม่กังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่ท้ายที่สุดแล้ว ยูเครนจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ทว่าเวลานี้จุดยืนดังกล่าวนั้นเปลี่ยนไปแล้ว
โพลยานสกีย์ อธิบายว่า ตัวเร่งให้รัสเซียเปลี่ยนจุดยืน คือ พฤติกรรมของอียูนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ โดยมอสโกรู้สึกว่าอียูมีความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันกับพันธมิตรนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ โดยสมบูรณ์
เขาอ้างถึงถ้อยแถลงเมื่อเร็วๆ นี้ของ โจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ซึ่งแสดงออกอย่างเปิดเผยว่า อยากให้ใช้ทางออกในด้านการทหารในความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
"เราเคยอยู่ในจุดที่ไม่กังวลเกี่ยวกับสหภาพยุโรปมากเท่าไหร่ แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปหลังจากคำกล่าวของนายบอร์เรลล์ ที่บอกว่าสงครามนี้ควรชนะในสมรภูมิรบ และหลังจากข้อเท็จจริงที่ว่าสหภาพยุโรปคือแกนนำในการส่งมอบอาวุธ (แก่ยูเครน) ผมคิดว่าจุดยืนของเราต่อสหภาพยุโรปในเวลานี้คล้ายกับนาโต้มากขึ้น เพราะเราไม่เห็นความแตกต่างมากนัก" โพลยานสกีย์ กล่าว
โพลยานสกีย์ ยอมรับว่าความขัดแย้งได้ลุกลามบานปลายจนถึงจุดที่เหลือหนทางด้านการทูตแค่เล็กน้อย พร้อมกล่าวโทษสิ่งที่เขาเรียกว่า "การปราศจากการทูตที่สร้างสรรค์ เคียฟไม่รักษาสัญญา และความพยายามของตะวันตกที่หวังให้สถานการณ์ความเป็นปรปักษ์ยืดเยื้อ"
"ณ จุดนี้ ผมขอพูดตรงๆ เลยว่า ผมไม่เห็นความเป็นไปได้ในทางการทูต เนื่องจากจุดยืนของยูเครน และการโหมกระพือความขัดแย้งนี้จากตะวันตก ผมจำเป็นต้องยอมรับว่าไม่มีหนทางด้านการทูตแล้วในเวลานี้" รองผู้แทนถาวรของรัสเซียประจำสหประชาชาติระบุ พร้อมปฏิเสธคาดการณ์ใดๆ ว่าความขัดแย้งนี้จะลากยาวไปนานแค่ไหน
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)