“บองบอง” ลูกชายอดีตผู้นำเผด็จการ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส คว้าชัยศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ถล่มทลาย หลังชาวตากาล็อกเลือกเดิมพันให้ตระกูลการเมืองที่คุ้นเคยมาช่วยแก้ปัญหาความยากจน โดยไม่สนใจคำเตือนของหลายๆ ฝ่ายที่ว่า ปัญหาคอร์รัปชันอาจยิ่งเลวร้าย และประชาธิปไตยจะอ่อนแอลง
จากผลการนับคะแนนเบื้องต้นที่ใกล้เสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันอังคาร (10 พ.ค.) เฟอร์ดินานด์ “บองบอง” มาร์กอส จูเนียร์ กวาดคะแนนเลือกตั้งได้กว่า 56% มากกว่าเลนี โรเบรโด ผู้สมัครที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 2 ถึงกว่าเท่าตัว ทำให้เขากำลังจะกลายเป็นแคนดิเดตคนแรกในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่ได้คะแนนเสียงเกินครึ่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ อีกทั้งยังเป็นการกลับมาอย่างน่าทึ่งของตระกูลผู้นำเผด็จการที่ถูกโค่นล้มเมื่อกว่า 3 ทศวรรษที่แล้ว
เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส พ่อของบองบอง ถูกเนรเทศและต้องพาครอบครัวไปอาศัยอยู่ในฮาวายระหว่างการลุกฮือของ “พลังประชาชน” ในปี 1986 ที่เป็นจุดจบการปกครองระบอบเผด็จการยาวนาน 20 ปีของเขา
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเดินทางกลับสู่ฟิลิปปินส์ในปี 1991 บองบองได้รับเลือกเป็นสมาชิกรัฐสภามาโดยตลอด
ชัยชนะของมาร์กอส จูเนียร์ครั้งนี้ทำลายความหวังของชาวฟิลิปปินส์จำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะพวกปัญญาชนเสรีนิยม ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังจาก 6 ปีภายใต้ระบอบของโรดริเกซ ดูเตอร์เต ที่ลุแก่อำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าสำหรับคนฟิลิปปินส์ส่วนข้างมากแล้ว แทนที่จะต่อต้าน พวกเขากลับเทคะแนนให้ซารา ลูกสาวของดูเตอร์เต จนชนะการเลือกตั้งรองประธานาธิบดีขาดลอย ทั้งนี้ ในแดนตากาล็อกนั้น การเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและตำแน่งรองประธานาธิบดี ถือว่าแยกขาดจากกัน ไม่ใช่เป็นทีมเดียวกันแบบประเทศอื่นๆ จำนวนมาก
ตัว บองบอง ยืนกรานปฏิเสธไม่ยอมรับเสียงประณามความโหดร้ายและการทุจริตของครอบครัวของเขาระหว่างการหาเสียง โดยตัวเขาเองบอกว่า ถ้าครอบครัวโกงเงินของประเทศไป 10,000 ล้านดอลลาร์จริงคงถูกจับขังคุกไปแล้ว
พวกเสรีนิยม และกลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวโทษว่า ด้วยกาลเวลาที่ผ่านพ้นไปหลายสิบปีจนความทรงจำรางเลือนลงไปมากเกี่ยวกับการปกครองของมาร์กอส และโพสต์มากมายนับไม่ถ้วนบนเฟซบุ๊กที่ล้วนเป็นข้อมูลบิดเบือน ผู้มีสิทธิออกเสียงจำนวนมากจึงวาดฝันว่า มาร์กอส จูเนียร์ จะช่วยให้ฟิลิปปินส์หลุดพ้นจากความยากจน
ระหว่างการปราศรัยในคืนวันเลือกตั้งเมื่อวันจันทร์ (9) ขณะที่คะแนนของเขามีแนวโน้มที่จะชนะอย่างขาดลอย มาร์กอส จูเนียร์ขอบคุณเหล่าอาสาสมัครสำหรับการทุ่มเททำงานมานานหลายเดือน กระนั้น เขายังไม่ประกาศชัยชนะ โดยบอกว่าเพราะการนับคะแนนยังไม่เสร็จสิ้น
ทั้งนี้ คาดกันว่าผลการเลือกตั้งอย่างสมบูรณ์ในขั้นสุดท้ายน่าจะต้องรอกันไปจนถึงวันที่ 28 เดือนนี้
ผู้สนับสนุนบองบอง หลายร้อยคนออกมาโบกธงและฉลองกันบนถนน ขณะที่ผู้สนับสนุนโรเบรโด จำนวนมากแสดงความโกรธแค้นที่ตระกูลนักการเมืองโกงกินใช้สื่อโซเชียลบิดเบือนประวัติศาสตร์ในยุคมาร์กอส
มีผู้ต่อต้านมาร์กอสผู้พ่อหลายพันคนถูกกดขี่ข่มเหงระหว่างที่ฟิลิปปินส์ใต้การปกครองของเขา บังคับใช้กฎอัยการศึกในช่วงปี 1972-1981 และเวลานั้นชื่อตระกูล “มาร์กอส” ถูกตีความว่า หมายถึงการปล้นชาติ ระบบพวกพ้อง และการใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย หลังจากเงินในคลังหายไปนับหมื่นล้านดอลลาร์
ทั้ง ผู้นำคาทอลิก กลุ่มสิทธิมนุษยชน และพวกนักวิจารณ์การเมือง เตือนก่อนหน้านี้ว่า การกลับมาของตระกูลมาร์กอสอาจทำให้มีผู้คนล้มตายมากขึ้น หนี้ของประเทศเพิ่มขึ้น คนจนที่หิวโหยมากขึ้น เพราะตระกูลนี้จะปล้นเงินของประเทศ
ครอบครัวมาร์กอสปฏิเสธว่า ไม่ได้กระทำผิด ขณะที่บรรดาผู้สนับสนุน บล็อกเกอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลมีเดียช่วยกันประโคมว่า ประวัติศาสตร์สมัยมาร์กอสถูกบิดเบือน ตัวบองบองที่หลีกเลี่ยงการโต้วาทีและการสัมภาษณ์ระหว่างช่วงหาเสียง แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้ออกมากล่าวยกย่องพ่อของตนว่าเป็นอัจฉริยะและรัฐบุรุษ
ระหว่างหาเสียง มาร์กอส จูเนียร์กล่าวถึงนโยบายการบริหารประเทศน้อยมาก อย่างไรก็ดี มีการคาดหมายอย่างกว้างขวางว่าเขาจะเจริญรอยตามดูเตอร์เตที่เน้นงานโครงสร้างพื้นฐาน การกระชับความสัมพันธ์กับจีน และส่งเสริมการเติบโต
ในวันอังคาร (10) ประชาชนราว 400 คน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา ชุมนุมประท้วงหน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อต่อต้านมาร์กอส และระบุว่า การเลือกตั้งมีความไม่ชอบมาพากล
กลุ่มสิทธิมนุษยชนคาราปาตันเรียกร้องให้คนฟิลิปปินส์ต่อต้านการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของบองบอง โดยกล่าวหาว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งมาจากการโกหกและการให้ข้อมูลผิดๆ เพื่อฟอก “ภาพน่ารังเกียจ” ของตระกูลมาร์กอส
ทางด้านคู่แข่งคนสำคัญอย่าง โรเบรโด นักกฎหมายหญิงที่ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ยอมรับว่า ผิดหวังกับผลการเลือกตั้งคราวนี้ แต่ประกาศว่าจะต่อสู้เพื่อความจริงต่อไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า
ปีเตอร์ มัมฟอร์ด นักวิเคราะห์ของยูเรเซีย กรุ๊ป กล่าวว่า มาร์กอส จูเนียร์ ยังไม่ได้เปิดเผยแผนการอย่างละเอียดเกี่ยวกับการฟื้นเศรษฐกิจ และเสริมว่า ว่าที่ผู้นำใหม่แดนตากาล็อกจะต้องพยายามตอบสนองความคาดหวังของผู้สนับสนุนที่เป็นคนยากจน ควบคู่กับรักษาการสนับสนุนจากตระกูลการเมืองทรงอิทธิพลที่คาดหวังได้รับสิ่งตอบแทนจากการช่วยนำชัยชนะมาให้
มัมฟอร์ด ทิ้งท้ายว่า หนึ่งในประเด็นที่ต้องจับตาคือ รัฐบาลชุดใหม่ของมาร์กอสจะทำให้การทุจริตและระบบพวกพ้องที่เป็นความเสี่ยงสำคัญในฟิลิปปินส์อยู่แล้วเลวร้ายลงหรือไม่
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)