ทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดในอียูตามมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานมอสโก ต่อกรณีรุกรานเคียฟ ควรเปลี่ยนเป็นการยึดและนำไปจัดสรรสำหรับฟื้นฟูยูเครน จากความเห็นของชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรปในวันพฤหัสบดี (5 พ.ค.)
"ผมเชื่ออย่างที่สุดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่ไม่เพียงแต่อายัดทรัพย์สินของพวกเขา แต่การยึดทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เพื่อนำเงินเหล่านี้มาใช้สำหรับฟื้นฟูประเทศ ผมเชื่อโดยส่วนตัว" มิเชล ยืนยันระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์-ยูเครน
มิเชล เผยว่าเขาได้แจ้งหน่วยงานทางกฎหมายของคณะมนตรียุโรป "ให้ไปคิดหาความเป็นไปได้ต่างๆ สำหรับหนทางทางกฎหมายหนึ่งตามกรอบหลักนิติรัฐ ที่จะสามารถอำนวยความสะดวกและทำให้การยึดทรัพย์สินของบุคคลที่ถูกอียู หรือประเทศอื่นๆ ในโลกคว่ำบาตรนั้นมีความเป็นไปได้" และวิธีการดังกล่าวควรปราศจากข้อสงสัยเกี่ยวกับความชอบธรรมและความยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม มิเชล ยอมรับว่าการทำตามแผนของเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายในด้านข้อกฎหมาย "มีระบบกฎหมาย 27 ระบบทั่วอียู และในหลายรัฐสมาชิกอียู มันจำเป็นต้องตัดสินโดยศาล เพื่อทำให้สิ่งนี้มีความเป็นไปได้ มันต้องใช้เวลา มันเป็นกระบวนการที่ยุ่งยากและยาวนาน"
ความเห็นของประธานสภายุโรปสะท้อนแนวคิดแบบเดียวกับสหรัฐฯ โดยเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน เจค ซุลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า วอชิงตันไม่มีแผนคืนทรัพย์สินที่อายัดจากนักธุรกิจชาวรัสเซียตามมาตรการคว่ำบาตรมอสโกเพื่อตอบโต้ปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้นำเงินส่วนนี้ไปใช้สำหรับบูรณะฟื้นฟูยูเครน
ทำเนียบขาวเสนอแผนที่ครอบคลุมหนึ่งซึ่งมีเป้าหมายทำให้พวกผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองและทางธุรกิจชาวรัสเซียต้องรับผิดชอบเหตุการณ์ต่างๆ ในยูเครน ข้อเสนอนี้รวมไปถึงบัญญัติอำนาจบริหารหนึ่งที่มีความคล่องตัวขึ้นมา ที่จะสามารถยึดทรัพย์สินที่ถูกคว่ำบาตรและโอนทรัพย์สินเหล่านั้นให้เคียฟ เยียวยาวความเจ็บปวดแก่พวกเขาจากการรุกรานของยูเครน
รัสเซียโวยวายแผนดังกล่าวของสหรัฐฯ ว่า "ไม่มีอะไรมากไปกว่าการบังคับยึดทรัพย์สินเอกชน ที่สหรัฐฯ หาทางอ้างความชอบธรรมแบบปลอมๆ" และเป็นแบบอย่างที่อันตรายต่อสากล
สหรัฐฯ อียู และประเทศอื่นๆ บางแห่งกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียอย่างหนักหน่วงแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้วหลายรอบ ต่อกรณีรุกรานยูเครน ทรัพย์สินในต่างประเทศของธนาคารกลางรัสเซีย บริษัทอื่นๆ หลายแห่งและนักธุรกิจชาวรัสเซียถูกอายัด รัสเซียถูกตัดขาดจากตลาดที่ใช้เงินดอลลาร์และยูโรเป็นหลัก และนักธุรกิจต่างชาติมากมายจำเป็นต้องหยุดคบค้ากับรัสเซีย
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)