เกิดเหตุโรงกลั่นน้ำมันเถื่อนระเบิดทางตอนใต้ของไนจีเรียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 เม.ย.) ล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งไม่ต่ำกว่า 100 คน ขณะที่สื่อแพร่ภาพสลดทั้งร่างมนุษย์ และยานพาหนะถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโก
ตำรวจไนจีเรียระบุว่า จุดเกิดเหตุเป็นโรงกลั่นน้ำมันผิดกฎหมายซึ่งตั้งอยู่ระหว่างรัฐริเวอร์ส (Rivers) และรัฐอีโม (Imo) ทางตอนใต้ของประเทศ
เจ้าหน้าที่สำนักงานจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติไนจีเรีย (NEMA) ยืนยันกับเอเอฟพีว่า ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มจาก 80 เป็นเป็นอย่างน้อย 110 ศพ และยังมีผู้ที่บาดเจ็บสาหัสจากการถูกไฟคลอกนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหลายสิบราย
อิดรีส มูซา หัวหน้าสำนักงานตรวจสอบและตอบสนองการรั่วไหลของน้ำมันแห่งชาติ (National Oil Spills Detection and Response Agency) ยืนยันว่าได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้แล้ว และยอมรับว่าเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ฟีนาเฟซ ดัมนาเมเน ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อเยาวชนและสิ่งแวดล้อม (Youths and Environmental Advocacy Centre) ซึ่งเป็นเอ็นจีโอ ระบุว่า “ร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมากถูกไฟคลอกจนระบุตัวตนไม่ได้ และมีบางรายที่พยายามหนีเอาชีวิตรอดจนไปติดคาอยู่บนต้นไม้”
ด้านประธานาธิบดี มูฮัมมาดู บูฮารี ได้ออกคำแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (24) ว่า โศกนาฏกรรมครั้งนี้ถือเป็น “หายนะและภัยพิบัติของชาติ” และย้ำว่าพวกที่สนับสนุนอุตสาหกรรมน้ำมันเถื่อน “จะต้องถูกจับกุม และนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทุกคน”
ผู้นำไนจีเรียยังสั่งให้หน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยข่าวกรองเร่งดำเนินการปราบปรามพวกที่ลักลอบกลั่นน้ำมันเถื่อน
ไนจีเรียมีเหตุการณ์ไฟไหม้ท่อส่งน้ำมันเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ ส่วนหนึ่งเพราะขาดการซ่อมบำรุง และยังมีกลุ่มคนที่ลักลอบเจาะท่อเพื่อขโมยน้ำมันดิบไปขายในตลาดมืด
แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมให้ข้อมูลว่า ไนจีเรียต้องสูญเสียน้ำมันดิบไปกับการถูกขโมย หรือการกลั่นน้ำมันเถื่อนประมาณ 200,000 บาร์เรลต่อวัน
ที่มา : เอเอฟพี