นายพลรัสเซียประกาศแผนยึดภูมิภาคดอนบาส และภาคใต้ของยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในปฏิบัติการพิเศษทางทหาร “เฟสสอง” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแผนการรุกรานยูเครนของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน คงจะยังไม่ปิดฉากลงในเร็ววันนี้
สำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์และสำนักข่าว TASS ของรัสเซียอ้างข้อมูลจาก รัสตัม มินเนคาเยฟ (Rustam Minnekayev) รองผู้บัญชาการกองกำลังทหารส่วนกลางของรัสเซีย ซึ่งออกมาให้สัมภาษณ์วานนี้ (22 เม.ย.) ว่า การควบคุมพื้นที่ตอนใต้ของยูเครนได้อย่างเบ็ดเสร็จจะเปิดทางให้รัสเซียสามารถเข้าถึง "ทรานส์นีสเตรีย" (Transdneistria) ซึ่งเป็นดินแดนในสาธารณรัฐมอลโดวาที่มีประชากรฝักใฝ่รัสเซียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ทรานส์นีสเตรีย มีพรมแดนติดต่อกับยูเครน และรัฐบาลเคียฟหวั่นเกรงมาตลอดว่ารัสเซียอาจจะใช้ดินแดนแห่งนี้เป็นฐานในการเปิดฉากโจมตีรอบใหม่
“การควบคุมภาคใต้ของยูเครนจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเข้าถึงทรานส์นีสเตรีย ซึ่งก็มีหลักฐานอีกเช่นกันว่าประชากรที่พูดภาษารัสเซียกำลังถูกกดขี่” TASS อ้างคำพูดของนายพล มินเนคาเยฟ
กระทรวงการต่างประเทศมอลโดวาได้เรียกทูตรัสเซียเข้าพบทันที เพื่อแสดง “ความกังวลอย่างยิ่ง” ต่อคำพูดของนายพลหมีขาวรายนี้
“คำพูดดังกล่าวปราศจากหลักฐานรองรับ และขัดต่อจุดยืนของสหพันธรัฐรัสเซียที่ให้การสนับสนุนอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของสาธารณรัฐมอลโดวา” กระทรวงการต่างประเทศมอลโดวาประกาศผ่านเว็บไซต์
“ในการพูดคุยกันครั้งนี้ เราได้ย้ำว่าสาธารณรัฐมอลโดวาคือรัฐที่เป็นกลาง และหลักการข้อนี้จะต้องได้รับการเคารพจากผู้เล่นนานาชาติทุกฝ่าย รวมถึงสหพันธรัฐรัสเซียด้วย”
เมื่อต้นเดือน เม.ย. รัฐบาลยูเครนอ้างว่าสนามบินแห่งหนึ่งในทรานส์นีสเตรียกำลังถูกจัดเตรียมเพื่อรองรับเครื่องบิน และอาจถูกรัสเซียใช้เป็นฐานในการส่งทหารเข้ายูเครน ทว่าทั้งกระทรวงกลาโหมของมอลโดวาและฝ่ายบริหารท้องถิ่นทรานส์นีสเตรียต่างออกมาปฏิเสธเรื่องนี้
สื่อรัสเซียไม่ได้ระบุว่า มินเนคาเยฟ ได้แสดงหลักฐานหรือให้รายละเอียดใดๆ หรือไม่ว่ามีการกดขี่ข่มเหงประชากรที่พูดภาษารัสเซียในทรานส์นีสเตรียอย่างไร แต่นายพลผู้นี้ยืนยันว่า รัสเซียมีแผนที่จะสร้างการเชื่อมต่อทางบกระหว่างคาบสมุทรไครเมีย ดอนบาส และยูเครนตะวันออก
ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนได้แถลงผ่านคลิปวิดีโอเมื่อค่ำวานนี้ (22) ว่า แผนการรุกรานยูเครนของรัสเซียยังอยู่ในขั้น “เริ่มต้น” เท่านั้น และมอสโกอาจหวังที่จะฮุบดินแดนของประเทศอื่นๆ ด้วย
“ทุกประเทศที่เชื่อมั่นในชัยชนะของการมีชีวิตเหนือความตายจะต้องร่วมต่อสู้กับเรา พวกเขาจะต้องช่วยเหลือเรา เพราะเราคือเหยื่อรายแรก แล้วใครล่ะที่จะเป็นรายต่อไป?”
ด้านกระทรวงกลาโหมยูเครนทวีตข้อความว่า คำพูดของนายพล มินเนคาเยฟ แสดงให้เห็นว่ารัสเซียไม่คิดจะซ่อนเร้นอำพรางเป้าหมายที่แท้จริงอีกต่อไป
“มอสโกออกมายอมรับแล้วว่า เป้าหมายในสงครามเฟส 2 ไม่ใช่การมีชัยชนะเหนือ ‘นาซี’ ในจินตนาการของพวกเขา หากแต่เป็นการยึดภาคตะวันออกของภาคใต้ของยูเครน นี่มันคือการล่าอาณานิคมชัดๆ”
ขณะนี้ยังมีทหารยูเครนจำนวนหนึ่งที่ซุกซ่อนตัวอยู่ภายในโรงงานเหล็กกล้าอาซอฟสตัล (Azovstal) ที่เมืองท่ามาริอูโปล (Mariupol) ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่รัสเซียหวังยึดให้ได้ เพื่อเปิดเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างกองกำลังรัสเซียในไครเมียกับกลุ่มกบฏโปรรัสเซียในยูเครนตะวันออก
ประธานาธิบดี ปูติน สั่งให้กองทัพรัสเซียใช้วิธี “ปิดล้อม” คนกลุ่มนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะยอมจำนนเอง
สำนักข่าว RIA อ้างคำพูดของ มินเนคาเยฟ ซึ่งออกมาปฏิเสธรายงานที่ว่ากองทัพรัสเซียกำลังเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำในสงคราม
“สื่อหลายสำนักอ้างว่าทหารของเราล้มเหลว แต่มันไม่ใช่ความจริง ในวันแรกๆ ฝ่ายยูเครนใช้กลยุทธ์ล่อให้ทหารรัสเซียบางกลุ่มตกเป็นเหยื่อการโจมตีที่ถูกเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียขึ้น... แต่กองทัพรัสเซียปรับตัวได้เร็วและเปลี่ยนยุทธวิธีเสียใหม่”
นายพลผู้นี้ยังบอกด้วยว่า การใช้ขีปนาวุธยิงถล่มและปฏิบัติการโจมตีรายวันในรูปแบบอื่นๆ สามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเป้าหมายในยูเครนได้ โดยที่รัสเซียไม่ต้องเป็นฝ่ายสูญเสียเลือดเนื้อ
ที่มา : รอยเตอร์