xs
xsm
sm
md
lg

US เลิกคำสั่งสวมหน้ากากในเที่ยวบิน-รถไฟ-แท็กซี่ หลังศาลชั้นต้นตัดสิน รบ.ทำเกินอำนาจ-ผิดกฎหมาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คณะบริหารไบเดน จะไม่บังคับประชาชนสวมหน้ากากป้องกันขณะอยู่ในเที่ยวบินโดยสารและระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ อีกต่อไป หลังผู้พิพากษาศาลสหรัฐฯ ในรัฐฟลอริดาตัดสินเมื่อวันจันทร์ (18 เม.ย.) ว่า คำสั่งดังกล่าวที่บังคับใช้มา 14 เดือนนั้นผิดกฎหมาย ส่วนในอีกด้านหนึ่ง เซี่ยงไฮ้ นครใหญ่ที่สุดของจีน พบผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่มอีก 7 ราย แต่ทั้งหมดเป็นผู้สูงวัยที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และมีโรคประจำตัว

สัปดาห์ที่แล้ว พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ เพิ่งขยายเวลาบังคับใช้คำสั่งให้นักเดินทางต้องสวมหน้ากากป้องกันเมื่ออยู่บนเครื่องบิน รถไฟ แท็กซี่ ยวดยานในบริการไรด์แชริ่ง ตลอดจนศูนย์คมนาคมขนส่ง ต่อไปจนถึงวันที่ 3 พฤษภาคม ด้วยระบุว่ายังต้องขอเวลาเพื่อประเมินผลจากสถานการณ์ช่วงหลังๆ มานี้ที่มีผู้ติดโควิดเพิ่มขึ้นจากการที่ไวรัสโคโรนาแพร่กระจายทางอากาศ

ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมและสมาชิกรัฐสภาจากพรรครีพับลิกัน ต่างเรียกร้องให้ยกเลิกการบังคับสวมหน้ากากเป็นการถาวร

แต่แล้วในวันจันทร์ (18) แคธลีน คิมบอลล์ มิเซลล์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯ ในเมืองแทมปา รัฐฟลอริดา ที่ได้รับการแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่งตั้งแต่ยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตัดสินคดีที่กลุ่มซึ่งใช้ชื่อว่า “กองทุนปกป้องเสรีภาพด้านสุขภาพ” ยื่นฟ้องตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยระบุว่า ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ทำเกินอำนาจหน้าที่ในการบังคับใช้คำสั่งสวมหน้ากากที่เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021 อีกทั้งไม่ได้ขอความเห็นจากประชาชน และไม่ให้คำอธิบายการตัดสินใจดังกล่าวอย่างเหมาะสม

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า ขณะที่หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกำลังประเมินขั้นตอนต่อไปที่อาจเป็นไปได้ แต่คำตัดสินของผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯ คราวนี้ ย่อมหมายความว่าคำสั่งสวมหน้ากากในระบบขนส่งสาธารณะของซีดีซีจะไม่มีผลบังคับใช้อีกต่อไป โดยสำนักงานความปลอดภัยในการขนส่ง (ทีเอสเอ) เผยว่า จะยกเลิกคำสั่งนี้ จากที่เดิมทีจะเริ่มมีผลบังคับใช้อีกครั้งในวันอังคาร (19)

คำตัดสินของศาลที่ฟลอริดามีขึ้นขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอเมริกาดีดขึ้นอีกครั้งเป็นเฉลี่ยวันละ 36,251 คน และเสียชีวิต 460 คน ทั้งนี้ เมื่ออิงกับค่าเฉลี่ยในรอบ 7 วัน โดยยอดผู้เสียชีวิตเช่นนี้ถือว่าสูงที่สุดในโลกในเวลานี้

ด้านทำเนียบขาวแสดงความผิดหวังต่อคำตัดสินนี้ อย่างไรก็ดี คณะบริหารยังสามารถเลือกได้ว่า จะอุทธรณ์คำตัดสินหรือไม่ ตลอดจนจะยื่นขอให้ศาลออกคำสั่งฉุกเฉินเพื่อชะลอการบังคับใช้คำตัดสินนี้หรือไม่ โดยที่ซีดีซีบอกว่ายังแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากป้องกันในระบบขนส่งสาธารณะต่อไป

อย่างไรก็ตาม ภายหลังคำตัดสินดังกล่าวออกมาไม่นาน พวกสายการบินชั้นนำทั้งหมดของอเมริกา เช่น อเมริกัน แอร์ไลนส์ ยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ และเดลตา แอร์ไลนส์ ตลอดจนถึงบริการรถไฟแอมแทร็ก เริ่มผ่อนคลายกฎการสวมหน้ากากทันที

จากการที่เคสโควิด-19 กำลังสูงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง การยกเลิกคำสั่งนี้อาจทำให้ผู้โดยสารบางส่วนวิตกกังวล แต่ขณะเดียวกัน ทำให้คนอื่นๆ รีบกลับมาโดยสารเครื่องบินกันอีกครั้ง

ตามผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสส์ที่จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 31 ม.ค. ถึง 7 ก.พ. พบว่า มีชาวอเมริกันเพียง 36% ที่คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะยกเลิกสวมหน้ากากและยกเลิกกักตัว เพื่อกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ อย่างไรก็ดี ขณะที่ผู้ประกาศตัวเป็นชาวพรรคเดโมแครตเพียงแค่ 16% เท่านั้นซึ่งบอกว่ามีความเห็นดังกล่าวนี้ แต่ชาวพรรครีพับลิกันนั้นมีสูงถึง 60% ทีเดียว

เซี่ยงไฮ้พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม

สำหรับสถานการณ์โรคระบาดที่เซี่ยงไฮ้ เมืองใหญ่ที่เป็นเฟืองจักรเศรษฐกิจสำคัญของจีน มีรายงานในวันอังคาร (19) ว่าพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 7 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดซึ่งอายุระหว่าง 60-101 ปี เป็นผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และมีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคหัวใจ และเบาหวาน

ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ เซี่ยงไฮ้พบผู้เสียชีวิต 3 คน ซึ่งถือครั้งแรกนับจากล็อกดาวน์ในเดือนที่ผ่านมา ทั้งหมดล้วนเป็นผู้สูงวัยและมีปัญหาสุขภาพเช่นกัน

สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันอังคาร ได้ลดลงจากเมื่อวันจันทร์ แต่ยังคงสูงกว่า 20,000 คน และส่วนใหญ่ยังคงเป็นผู้ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น