ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียลงนามในกฤษฎีกาสั่งเกณฑ์ทหารในฤดูใบไม้ผลิ รวมจำนวนทั้งสิ้น 134,500 นาย เมื่อวานนี้ (31 มี.ค.) ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันไม่เกี่ยวกับการทำสงครามในยูเครน
คำสั่งเกณฑ์ทหารมีขึ้นราว 5 สัปดาห์ หลังจากที่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.
เซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ยืนยันเมื่อวันอังคาร (29 มี.ค.) ว่า ทหารเกณฑ์ชุดใหม่นี้จะไม่ถูกส่งไปยังพื้นที่ ‘hot spots’ ที่มีการสู้รบกันอยู่
เรื่องการส่งทหารเกณฑ์ไปเข้าร่วมสงครามถือเป็นประเด็นละเอียดอ่อน โดยเมื่อวันที่ 9 มี.ค. กระทรวงกลาโหมรัสเซียออกมายอมรับว่ามีทหารเกณฑ์บางส่วนถูกส่งไปยูเครนจริง แม้ว่า ปูติน จะเคยออกมาปฏิเสธหลายครั้ง โดยอ้างว่าที่ส่งไปนั้นมีแต่ทหารอาชีพทั้งสิ้น
หลังจากนั้นไม่นาน โฆษก ปูติน ก็ออกมาชี้แจงว่า ประธานาธิบดีได้สั่งให้อัยการทหารไปดำเนินการสอบสวน และลงโทษเจ้าหน้าที่ซึ่ง “ฝ่าฝืนคำสั่ง” ส่งทหารเกณฑ์ไปร่วมรบในยูเครนแล้ว
การเกณฑ์ทหารในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1 เม.ย. ไปจนถึง 15 ก.ค. และมีผลครอบคลุมชายชาวรัสเซียที่อายุระหว่าง 18-27 ปี โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะถูกส่งไปประจำการตามกรมกองต่างๆ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน พ.ค.เป็นต้นไป
“ทหารส่วนใหญ่จะต้องผ่านการฝึกในศูนย์ฝึกต่างๆ เป็นเวลา 3-5 เดือน ผมขอย้ำตรงนี้ว่า จะไม่มีการส่งทหารเกณฑ์ไปยังพื้นที่สงครามอย่างแน่นอน” ชอยกู ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย
อย่างไรก็ดี มิคาอิล เบนยาช ทนายความซึ่งเป็นตัวแทนของสมาชิกกองกำลังพิทักษ์ชาติรัสเซีย (National Guard) หลายนายที่ปฏิเสธเข้าร่วมรบในยูเครน ยืนยันว่ากฎหมายรัสเซียอนุญาตให้มีการส่งทหารเกณฑ์ที่ผ่านการฝึกหลายเดือนเข้าร่วมรบในสงครามจริงได้
รัสเซียอ้างว่าการรุกรานยูเครนเป็นเพียง “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ที่มุ่งจะทำลายความเป็นนาซี ทว่าสงครามครั้งนี้ได้คร่าชีวิตพลเรือนและทหารไปแล้วหลายพันศพ และยังทำให้ชาวยูเครนอีกนับล้านๆ ต้องหนีตายออกนอกประเทศ
ในช่วงไม่กี่วันมานี้ รัสเซียเริ่มประกาศ “ปรับ” เป้าหมายทางทหาร โดยอ้างว่าไม่ได้ต้องการยึดกรุงเคียฟหรือเมืองใหญ่ๆ ของยูเครน แต่จะโฟกัสไปที่การ “ปลดปล่อย” ภูมิภาคทางตะวันออกที่พวกกบฏโปรรัสเซียทำสงครามต่อต้านกองทัพยูเครนมาตั้งแต่ปี 2014
รัฐบาลยูเครนและชาติตะวันตกยังคงกังขากับสิ่งที่รัสเซียอ้าง ขณะที่นักวิเคราะห์ด้านการทหารมองว่า การประกาศลดเป้าหมายลงมาเหลือแค่พื้นที่ดอนบาส (Donbas) อาจเป็นความพยายามของมอสโกที่จะ “รักษาหน้า” และหาทางลงสวยๆ ให้แก่ปูติน
ที่มา : รอยเตอร์