xs
xsm
sm
md
lg

โสมแดงยิงขีปนาวุธข้ามทวีปครั้งแรกรอบ 7 ปี สมรรถนะเหนือกว่า ICBM ที่ทดสอบคราวก่อน เพิ่มเรื่องปวดเฮดให้ ‘ไบเดน’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) รุ่นใหม่ของเกาหลีเหนือ ที่มีชื่อว่า “ฮวาซอง-17” ตั้งอยู่บนยานบรรทุกขนาดยักษ์ซึ่งมีเพลาถึง 11 เพลา ถูกนำออกมาอวดโฉมในการสวนสนามเนื่องในวาระครบรอบ 75 ปีการก่อตั้งพรรคผู้ใช้แรงงานเกาหลี (พรรคคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ) ณ กรุงเปียงยาง เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2020  ทั้งนี้เข้าใจกันว่าสิ่งที่นำมาแสดงนี้เป็นเพียงขีปนาวุธจำลอง
เกาหลีเหนือยิงอาวุธที่คิดกันว่าน่าจะเป็นขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของเปียงยาง เมื่อวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) ฝ่ายทหารของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นแถลง ถือเป็นการหวนกลับมาทดสอบอาวุธพิสัยไกลกันอีกครั้งหนึ่งหลังจากระงับไปหลายปี และก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างเสียงโกรธขึ้งจากพวกชาติเพื่อนบ้านตลอดจนสหรัฐฯ ในทันที

หากเป็นไปอย่างที่คาดหมายกัน ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธขนาดใหญ่ที่สุดในแบบเต็มขีดสมรรถนะของมันนับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงก้าวเดินหน้าก้าวใหญ่ของโสมแดงในเรื่องการพัฒนาอาวุธ ซึ่งอาจจะสามารถส่งหัวรบนิวเคลียร์ไปยังจุดไหนๆ ก็ได้ในสหรัฐฯ

การที่เกาหลีเหนือหวนกลับมาทดสอบอาวุธครั้งใหญ่อีกเช่นนี้ ยังเท่ากับเป็นการสร้างเรื่องปวดหัวด้านความมั่นคงแห่งชาติเรื่องใหม่ให้แก่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ขณะที่เขากำลังวุ่นวายอยู่กับการตอบโต้รัสเซียที่รุกรานยูเครน ตลอดจนเป็นการประกาศท้าทายคณะบริหารชุดใหม่ที่มีแนวทางอนุรักษนิยม ซึ่งกำลังจะเข้ามารับตำแหน่งของเกาหลีใต้

“การยิงอาวุธครั้งนี้เป็นการละเมิดอย่างโจ่งแจ้งต่อมติคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นหลายต่อหลายมติ และเป็นการเพิ่มความตึงเครียดและความเสี่ยงที่จะสั่นคลอนเสถียรภาพของสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคนี้อย่างไม่จำเป็น” เจน ซากี เลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของทำเนียบขาว ระบุในคำแถลงซึ่งประณามการทดสอบของโสมแดงครั้งนี้

“ประตูยังไม่ได้ปิดตายสำหรับด้านการทูต แต่เปียงยางต้องยุติการกระทำต่างๆ ที่เป็นการสั่นคลอนเสถียรภาพในทันที”

เกาหลีเหนือได้ระงับการทดสอบไอซีบีเอ็ม และอาวุธนิวเคลียร์เองมาตั้งแต่ปี 2017 แต่ยังคงแถลงว่าอาวุธเหล่านี้มีความจำเป็นสำหรับการป้องกันตัวเองของตน นอกจากนั้น ยังกล่าวหาการทาบทามเกี้ยวพาทางการทูตของสหรัฐฯ ว่าเป็นสิ่งไม่มีความจริงใจ ตราบใดที่วอชิงตันและพันธมิตรยังคงรักษานโยบายเป็นปรปักษ์เอาไว้ เป็นต้นว่า การแซงก์ชันโสมแดง และการจัดการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้

ทางด้านประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ ซึ่งถือเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือเป็นเป้าหมายสำคัญอย่างยิ่งของคณะบริหารของเขา ได้กล่าวประณามการทดลองครั้งนี้ว่าเป็นการละเมิดประกาศระงับการทดสอบยิงไอซีบีเอ็ม ของประธานคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือเอง

มุน ซึ่งจะพ้นตำแหน่งตามวาระในเดือนพฤษภาคมนี้ บอกด้วยว่า การกระทำเช่นนี้ยังเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อคาบสมุทรเกาหลี ภูมิภาคแถบนี้ และประชาคมระหว่างประเทศ รวมทั้งละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นยูเอ็น

สำหรับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นบอกว่า การยิงขีปนาวุธคราวล่าสุดนี้ คือ “พฤติการณ์ใช้ความรุนแรงที่ไม่อาจยอมรับได้”

ด้านกองทัพเกาหลีใต้ได้ตอบโต้ด้วยการยิงทดสอบขีปนาวุธของตนเองหลายลูก โดยมีทั้งขีปนาวุธทิ้งตัวที่มีขนาดเล็กกว่าของฝ่ายโสมแดง ตลอดจนขีปนาวุธยิงจากอากาศสู่ภาคพื้นดิน ทั้งนี้ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ระบุในคำแถลงว่า เพื่อสาธิตให้เห็นว่าโสมขาวมี “สมรรถนะและความพรักพร้อม” ในการยิงโจมตีอย่างแม่นยำใส่สถานที่ปล่อยขีปนาวุธ สถานที่บังคับบัญชาสั่งการและสนับสนุน ตลอดจนเป้าหมายอื่นๆ ในเกาหลีเหนือ ถ้าหากจำเป็น

การยิงทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือในวันพฤหัสฯ คือการทดสอบอย่างน้อยที่สุดก็เป็นครั้งที่ 11 เฉพาะในปีนี้ ซึ่งเป็นความถี่อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของญี่ปุ่นบอกว่า ขีปนาวุธที่ยิงครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นไอซีบีเอ็ม “ประเภทใหม่” โดยที่มันสามารถบินเป็นเวลาประมาณ 71 นาทีในระดับความสูงราว 6,000 กิโลเมตร และไปได้ไกล 1,100 กิโลเมตรจากฐานยิง

ขีปนาวุธนี้ตกลงในทะเลภายในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น โดยตกที่จุดห่างจากจังหวัดอาโอโมริ ที่อยู่ทางภาคเหนือของญี่ปุ่นไปทางตะวันตกราว 170 กิโลเมตร เมื่อเวลา 15.44 น. (ตรงกับ 11.44 น.เวลาเมืองไทย) หน่วยยามฝั่งของญี่ปุ่นแถลง

ขณะที่ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ ให้ตัวเลขว่า ขีปนาวุธนี้บินขึ้นจุดสูงสุดที่ระดับ 6,200 กิโลเมตร และบินได้ไกล 1,080 กิโลเมตร

แต่ไม่ว่าตัวเลขของฝ่ายญี่ปุ่นหรือฝ่ายโสมขาวก็ล้วนแต่ชี้ว่า มันไปได้ไกลกว่าและเคลื่อนตัวได้เป็นเวลานานกว่าการทดสอบไอซีบีเอ็ม ครั้งสุดท้ายของเกาหลีเหนือเมื่อปี 2017 โดยที่ตอนนั้นโสมแดงยิงขีปนาวุธ “ฮวาซอง-15” ซึ่งบินได้นาน 53 นาที สู่ระดับความสูงราว 4,475 กิโลเมตร และไปได้ไกล 950 กิโลเมตร

ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้บอกอีกว่า ขีปนาวุธลูกล่าสุดนี้ยิงจากฐานยิงใกล้ๆ ซูนาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานนานาชาติกรุงเปียงบาง ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 มีนาคม เกาหลีเหนือได้เคยยิงขีปนาวุธที่น่าสงสัยลูกหนึ่งจากบริเวณสนามบินแห่งนี้ แต่ดูเหมือนมันจะระเบิดหลังทะยานขึ้นไม่นาน

เมื่อเร็วๆ นี้ พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้กล่าวเตือนว่า เกาหลีเหนือตระเตรียมที่จะยิงทดสอบไอซีบีเอ็มขนาดใหญ่ที่สุดที่ตนเองมีอยู่ ซึ่งก็คือ ฮวาซอง-17

พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บอกว่า ในการทดสอบช่วงหลังๆ นี้ของโสมแดงอย่างน้อย 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ และวันที่ 5 มีนาคม เป็นการทดสอบระบบของฮวาซอง-17 แต่ยังไม่ได้สาธิตให้เห็นถึงพิสัยทำการ หรือสมรรถนะแบบไอซีบีเอ็มของมันอย่างเต็มที่

เปียงยางเองไม่ระบุว่าระบบขีปนาวุธที่ทดสอบในช่วงหลังๆ นี้เป็นรุ่นอะไร แต่อ้างว่ากำลังทดลองส่วนประกอบต่างๆ สำหรับระบบดาวเทียมตรวจการณ์

ในเดือนนี้ ผู้นำคิมกล่าวว่า เร็วๆ นี้เกาหลีเหนือจะปล่อยดาวเทียมอเนกประสงค์หลายๆ ดวง เพื่อให้คอยเฝ้าติดามความเคลื่อนไหวทางทหารของสหรัฐฯ และพันธมิตร

พวกนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ฮวาซอง-17 น่าจะมีขนาดใหญ่กว่าฮวาซอง-15 เป็นอย่างมาก เกาหลีเหนือได้เผยโฉม ฮวาซอง-17 ต่อสาธารณชนครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2020 และนำออกมาอวดอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2021

ขีปนาวุธนี้ ซึ่งโสมแดงนำมาอวดโฉมโดยตั้งอยู่บนยานบรรทุกขนาดยักษ์ที่มีเพลารถ 11 เพลา น่าจะเป็นหนึ่งในไอซีบีเอ็ม เคลื่อนที่ไปตามถนน ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น