รัฐบาลยูเครนปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัสเซียที่ออกมายื่นคำขาดวานนี้ (20 มี.ค.) ให้ทหารยูเครนในมาริอูโปล (Mariupol) วางอาวุธยอมแพ้ เพื่อเปิดทางรอดให้แก่พลเรือนที่กำลังเผชิญกับหายนะเลวร้ายด้านมนุษยธรรม
“จะไม่มีการเจรจาวางอาวุธเด็ดขาด เราได้แจ้งไปยังฝั่งรัสเซียแล้ว” อิรีนา เวเรชชุก รองนายกรัฐมนตรียูเครน ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Ukrainska Pravda วันนี้ (21) พร้อมวิจารณ์ข้อเสนอของรัสเซียว่าเป็นการ “ใช้เล่ห์เหลี่ยม และจับคนเป็นตัวประกันอย่างแท้จริง”
รัสเซียได้ออกมายื่นคำขาดให้ทหารยูเครนวางอาวุธก่อนเวลา 5.00 น. ของวันนี้ (21)
“เราขอให้กองกำลังต่างๆ ของกองทัพยูเครน กองพันป้องกันดินแดน ทหารรับจ้างต่างชาติ จงหยุดใช้ความรุนแรง วางอาวุธเสีย และเข้าไปยังเขตแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลเคียฟผ่านช่องทางมนุษยธรรมที่ได้ตกลงกันไว้” พล.อ.อาวุโส มิคาอิล มิซินต์เซฟ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการการป้องกันประเทศแห่งชาติรัสเซีย (Russian National Defence Control) ระบุในถ้อยแถลง
ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ส่งคำเตือนไปยังทางการมาริอูโปลผ่านแอป Telegram ว่า “พวกคุณที่มีสิทธิที่จะตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ว่าจะเลือกอยู่ข้างประชาชน หรือเลือกข้างอาชญากร... มิเช่นนั้น ศาลทหารที่รออยู่จะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยที่คุณจะต้องได้รับจากการที่พวกคุณแสดงทัศนคติเลวร้ายต่อพลเรือน รวมถึงอาชญากรรมและการยั่วยุที่พวกคุณได้ก่อขึ้น”
เมืองท่าทางตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งใช้ภาษารัสเซียกันเป็นส่วนใหญ่นี้ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของยูเครนที่รัสเซียต้องการยึดครองให้ได้ หลายวันที่ผ่านมากองทัพรัสเซียได้ระดมยิงโจมตีมาริอูโปล อีกทั้งยังตัดไฟฟ้า น้ำประปา และช่องทางลำเลียงอาหารสู่เมืองแห่งนี้
กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศจะเปิดเส้นทางมนุษยธรรมเพื่อให้พลเรือนอพยพออกจากมาริอูโปลในเวลา 10.00 น. ของวันนี้ (21) หากว่าข้อเสนอ “วางอาวุธ” ถูกตอบรับจากฝั่งยูเครน
มอสโกระบุว่าได้เตรียม “รถบัสที่สะดวกสบาย” ไว้ตามจุดตรวจหลายแห่งเพื่อรอรับผู้ลี้ภัยไปส่งยังสถานที่ต่างๆ และชาวยูเครนทุกคนที่เดินทางเข้ารัสเซียจะได้รับอาหารร้อน 3 มื้อต่อวัน และสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
กระทรวงกลาโหมรัสเซียบอกด้วยว่า เวลานี้มีชาวมาริอูโปล “ที่ได้รับการช่วยเหลือ” ให้ข้ามไปยังรัสเซียแล้วเกือบ 60,000 คน และคนเหล่านี้ “กล้าที่จะพูดเปิดใจเกี่ยวกับความโหดร้ายและอาชญากรรม” ที่ทางการมาริอูโปลกระทำต่อพวกเขา
เจ้าหน้าที่มาริอูโปลให้ข้อมูลว่า ทหารรัสเซีย “บังคับ” เคลื่อนย้ายพลเรือนประมาณ 1,000 คนไปยังรัสเซีย และยึดหนังสือเดินทางยูเครนของพวกเขา ซึ่งเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายก่ออาชญากรรมสงคราม ขณะที่รองนายกฯ เวเรชชุก ให้สัมภาษณ์สื่อยูเครนว่า มีเด็กๆ หลายคน “ถูกลักพาตัว” ออกไปจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โดยที่ยังไม่ทราบชะตากรรม
“เด็กยูเครน 350 คนถูกบังคับให้เดินทางไปรัสเซียโดยที่เราไม่สามารถเข้าถึงพวกเขาได้ สิ่งที่เราอยากจะเรียกร้องก็คือ เปิดเส้นทางให้กับเรา และแจ้งมาว่าเด็กเหล่านั้นจะถูกส่งไปที่ไหนและเพราะอะไร จู่ๆ พวกเขาก็พาเด็กไปรัสเซียทันที มันคือการก่อการร้าย”
ที่มา : เอเอฟพี