เอพี - เจ้าหน้าที่อเมริกันและอิรักเชื่ออิหร่านอยู่เบื้องหลังการถล่มคอมเพล็กซ์สถานกงสุลสหรัฐฯ ในอิรักด้วยขีปนาวุธ 12 ลูก ในวันอาทิตย์ (13 มี.ค.) ขณะที่อิหร่านยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เริ่มแรกนั้นเจ้าหน้าที่อิรักในแบกแดดเผยว่า มีขีปนาวุธหลายลูกยิงใส่สถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองเออร์บิล ทางเหนือของประเทศหลังเที่ยงคืนวันเสาร์ (12 มี.ค.) แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งในเวลาต่อมา ล็อก กาฟารี หัวหน้าสำนักงานสื่อต่างชาติเคอร์ดิสถาน เผยว่า สถานกงสุลสหรัฐฯ รอดพ้นจากขีปนาวุธเหล่านั้น มีเพียงพื้นที่โดยรอบได้รับความเสียหาย
เจ้าหน้าที่อิรักอีกคนหนึ่งระบุว่า ขีปนาวุธทิ้งตัวเหล่านั้นเป็นจรวดฟาเตห์-110 ที่ผลิตโดยอิหร่าน และยิงมาจากอิหร่านเพื่อตอบโต้ที่สมาชิกกองกำลังปฏิวัติ 2 คนถูกสังหารในซีเรีย
ด้านเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า ยังไม่แน่ใจว่า มีการยิงขีปนาวุธมากี่ลูก และตกลงที่ใดบ้าง และเจ้าหน้าที่อีกคนยืนยันว่า ที่ทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ในบริเวณดังกล่าวไม่ได้รับความเสียหาย และไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าสถานกงสุลเป็นเป้าหมายการโจมตี นอกจากนี้อเมริกายังประณาม “การโจมตีอย่างอุกอาจ” ดังกล่าวต่ออธิปไตยของอิรัก
ขณะเดียวกัน ผู้นำอิรักและเขตกึ่งปกครองตนเองเคอร์ดิสถานต่างออกมาประณามการโจมตีเมืองเออร์บิล ทั้งนี้ สถานีทีวีผ่านดาวเทียมเคอร์ดิสถาน 24 ที่ตั้งอยู่ใกล้สถานกงสุลสหรัฐฯ ออกอากาศหลังการโจมตีไม่นานโดยเปิดเผยภาพกระจกอาคารแตกและเศษซากวัสดุบนพื้นสตูดิโอ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อหลายวันก่อนอิหร่านประกาศว่า จะแก้แค้นอิสราเอลที่โจมตีใกล้กรุงดามัสกัสของซีเรียจนทำให้สมาชิกกองกำลังปฏิวัติของอิหร่านเสียชีวิต 2 คน ซึ่งในวันอาทิตย์ สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านรายงานโดยอ้างข่าวจากสื่ออิรักว่า มีการโจมตีในเออร์บิลแต่ไม่ได้ระบุว่า ขีปนาวุธเหล่านั้นยิงมาจากที่ใด
มาห์มูด อับบาสซาเดห์ โฆษกคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งชาติและนโยบายต่างประเทศของรัฐสภาอิหร่าน ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า เตหะรานอยู่เบื้องหลังการโจมตีในเออร์บิล โดยระบุว่า ถ้าตัดสินใจแก้แค้นจริง อิหร่านจะโจมตีอย่างรุนแรงและชัดเจนมาก
เหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้นขณะที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียดอย่างหนัก โดยการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านหยุดชะงัก จากการที่รัสเซียยื่นข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการที่นานาชาติคว่ำบาตร กรณีสงครามยูเครน ขณะเดียวกัน อิหร่านระงับการเจรจาลับเพื่อลดความขัดแย้งกับซาอุดีอาระเบียที่มีอิรักเป็นตัวกลาง หลังจากริยาดประหารชีวิตนักโทษครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ซึ่งรวมถึงชาวชีอะห์กว่า 30 คน
ผู้บัญชาการกองกำลังอเมริกันในตะวันออกกลางเตือนหลายครั้งเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากการโจมตีของอิหร่านและกองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านต่อกองทัพอเมริกันและพันธมิตรในอิรักและซีเรีย
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พล.อ.แฟรงก์ แม็กคินซีจากหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีว่า แม้กองกำลังอเมริกันในอิรักเปลี่ยนไปรับบทบาทที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ แต่อิหร่านและกองกำลังตัวแทนยังคงต้องการให้อเมริกาถอนทหารออกจากอิรัก ซึ่งอาจส่งผลให้มีการโจมตีมากขึ้น
ที่ผ่านมา กองกำลังอเมริกันที่ประจำการอยู่ในพื้นที่สนามบินของเออร์บิลถูกโจมตีด้วยจรวดและโดรนหลายครั้ง และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า เป็นฝีมือกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
ความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันกับเตหะรานลุกลาม หลังจากอเมริกาส่งโดรนโจมตีใกล้สนามบินแบกแดดในเดือนมกราคม 2020 เป็นเหตุให้นายทหารใหญ่อิหร่านคนหนึ่งเสียชีวิต ซึ่งเตหะรานตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพอากาศอัล-อาซาดที่ทหารอเมริกันประจำการอยู่ และทหารอเมริกันกว่า 100 นายได้รับบาดเจ็บ
นอกจากนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ยังเชื่อกันว่ากลุ่มที่เป็นตัวแทนของอิหร่านอยู่เบื้องหลังความพยายามลอบสังหารนายกรัฐมนตรีมุสตาฟา อัล-คาดิมี ของอิรักเมื่อปลายปีที่แล้ว
เจ้าหน้าที่หลายคนยังเชื่อว่า อิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยโดรนต่อที่ตั้งทางทหารทางใต้ของซีเรียที่ทหารอเมริกันประจำการอยู่ แม้ไม่มีทหารอเมริกันเสียชีวิตหรือบาดเจ็บก็ตาม