รัฐบาลตองกายืนยันวันนี้ (10 ก.พ.) ว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” ได้เล็ดลอดเข้าสู่พรมแดน หลังเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดและสึนามิเมื่อเดือนที่แล้ว โดยขณะนี้พบผู้ติดเชื้อยืนยันในประเทศเพิ่มเป็น 64 ราย
ไซอา ปิอูกาลา รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขตองกา ยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ 31 รายในรอบ 24 ชั่วโมง ซึ่งนับว่าสูงเป็นประวัติการณ์สำหรับตองกาที่เคยสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาได้โดยตลอด กระทั่งมาเกิดเหตุภูเขาไฟระเบิดเมื่อเดือน ม.ค. ซึ่งทำให้ตองกาต้องเปิดรับความช่วยเหลือจากหลายประเทศ
จากตัวอย่างที่ส่งไปตรวจในออสเตรเลียยืนยันได้ว่า เชื้อที่กำลังระบาดในตองกาคือสายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่กระจายเร็ว
แม้จะยังไม่ทราบต้นตอการระบาดที่แน่ชัด แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าเชื้อโอมิครอนน่าจะติดมากับ “เรือ” ขนส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์จากออสเตรเลีย จีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์
ทั้งนี้ รัฐบาลตองกากำหนดให้ของทุกชิ้นต้องถูกเคลื่อนย้ายภายใต้มาตรการ “ไร้สัมผัส” (no-contact) เพื่อป้องกันการนำเข้าเชื้อไวรัส และจะต้องถูกวางทิ้งเอาไว้อย่างน้อย 3 วัน ก่อนที่คนงานชาวตองกาจะเข้าไปจัดการขนย้ายอีกต่อหนึ่ง
ด้านผู้บัญชาการกองกำลังออสเตรเลียยืนยันว่า เรือ HMAS Adelaide ที่พบลูกเรือติดโควิด-19 “ไม่ใช่ตัวการแพร่เชื้อ” อย่างแน่นอน เนื่องจากเรือลำนี้ไม่ได้นำของบรรเทาทุกข์ไปส่งยังท่าเรือซึ่งเป็นจุดที่พบเคสโควิดรายแรกในกรุงนูกูอาโลฟา
หมู่เกาะซึ่งมีประชากรราว 100,000 คนยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งล็อกดาวน์ โดยรัฐบาลได้สั่งปิดสถานศึกษาและภาคธุรกิจต่างๆ คงไว้เฉพาะบริการที่จำเป็น เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อ
อย่างไรก็ดี มาตรการคุมเข้มเหล่านี้กลายเป็นอุปสรรคต่อการส่งความช่วยเหลือไปยังประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระเบิดของภูเขาไฟฮุงกา-ตองกา ฮุงกา ฮาอาปาย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่ามีความรุนแรงยิ่งกว่า “ระเบิดนิวเคลียร์” ที่ใช้ถล่มเมืองฮิโรชิมา
ปัจจุบัน มีชาวตองกาได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วประมาณ 87% จากจำนวนทั้งหมดที่สามารถฉีดได้ ตามข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ
ที่มา : เอเอฟพี