องค์การอนามัยโลกคร่ำครวญในวันอังคาร (8 ก.พ.) พบผู้เสียชีวิตแล้วครึ่งล้านคน นับตั้งแต่ตัวกลายพันธุ์โอมิครอนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ปรากฏตัวขึ้นไม่กี่เดือนก่อน เรียกจำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าวว่า "ยิ่งกว่าน่าเศร้า" พร้อมเตือนโลกเพิ่งอยู่ในช่วงกลางของโรคระบาดใหญ่ หลายประเทศยังไม่ผ่านจุดพีกของโอมิครอนด้วยซ้ำ
อับดิ มาฮามุด ผู้จัดการอุบัติการณ์ (Incident Manager) แห่งองค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกมากถึง 130 ล้านคน และเสียชีวิต 500,000 ราย นับตั้งแต่ประกาศให้ตัวกลายพันธุ์โอมิครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน
ตั้งแต่นั้นมันแซงหน้า เดลตา กลายเป็นสายพันธุ์หลักของโลก เนื่องจากแพร่เชื้อได้ง่ายมากๆ แม้ก่ออาการเจ็บป่วยรุนแรงน้อยกว่าก็ตาม
"ด้วยประสิทธิภาพวัคซีนที่นานแล้ว ผู้คนครึ่งล้านเสียชีวิต มันเป็นเรื่องจริง" มาฮามุด กล่าวระหว่างไลฟ์สดผ่านช่องสื่อสังคมออนไลน์ขององค์การอนามัยโลก "ในขณะที่ทุกคนบอกว่าโอมิครอนก่ออาการเบากว่า พวกเขาพลาดประเด็นที่ว่ามีคนครึ่งล้านเสียชีวิตนับตั้งแต่มันถูกพบ มันยิ่งกว่าคำว่าน่าเศร้า"
มาเรีย ฟาน เคิร์คโฮฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก บอกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนเท่าที่ทราบสูงลิ่วจนน่าตกใจ และยิ่งไปกว่านั้นจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มาก "มันทำให้ช่วงพีกก่อนหน้านี้ ดูราวเกือบอยู่ในแนวราบเลย" เธอกล่าว "เรายังคงอยู่ในช่วงกลางของโรคระบาดใหญ่ หลายประเทศยังไม่ผ่านจุดพีกสุดของโอมิครอนด้วยซ้ำ"
ฟาน เคิร์คโฮฟ กล่าวว่าเธอรู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อจำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นหลายสัปดาห์ติดต่อกัน "ไวรัสนี้ยังคงอันตราย" เธอกล่าว
ในรายงานอัปเดตรายสัปดาห์ด้านระบาดวิทยาโควิด-19 ที่เผยแพร่ในช่วงเย็นวันอังคาร (8 ก.พ.) องค์การอนามัยโลกระบุว่าได้รับรายงานพบผู้เสียชีวิตรายใหม่เกือบ 68,000 คนเมื่อสัปดาหที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้นถึง 7%
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์ ลดลง 17% เหลือเกือบๆ 19.3 ล้านคน
ภูมิภาคยุโรปขององค์การอนามัยโลก มีสัดส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่คิดเป็น 53% จากผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมีผู้เสียชีวิตคิดเป็น 35% ของผู้เสียชีวิตรายใหม่ทั้งหมดทั่วโลก รองลงมาคือทวีปอเมริกา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่คิดเป็น 23% และเสียชีวิตรายใหม่คิดเป็น 44%
รายงานระบุว่า ลักษณะการแพร่ระบาดในปัจจุบันเป็นผลจากการยังคงแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปทั่วโลกของตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ด้วยเวลานี้ตรวจพบตัวกลายพันธุ์โอมิครอนเกือบทุกประเทศแล้ว
องค์การอนามัยโลกระบุว่า โอมิครอนคิดเป็น 96.7% ของตัวอย่างที่รวบรวมในช่วง 30 วันหลังสุด ที่ได้ทำการลำดับพันธุกรรมและอัพโหลดลงบนฐานข้อมูลกลางโควิด-19 โลก หรือ GISAID ขณะที่เวลานี้เดลตา มีสัดส่วนแค่ 3.3% เท่านั้น
ในรายงานระบุว่ายังคงมีข้อมูลอย่างจำกัดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีต่อตัวกลายพันธุ์โอมิครอน
"อย่างไรก็ตาม ในการประมาณการจากข้อมูลที่มี พบประสิทธิภาพการป้องกันลดลงในวัคซีนโควิด-19 ดั้งเดิมยามเผชิญกับตัวกลายพันธุ์โอมิครอนในทุกผลลัพธ์ (ติดเชื้ออาการรุนแรง ติดเชื้อแบบแสดงอาการและไม่แสดงอาการ) มากกว่าที่สังเกตพบก่อนหน้านี้สำหรับตัวกลายพันธ์ที่น่ากังวลตัวอื่นๆ"
กระนั้นก็ตามรายงานระบุเพิ่มเติมว่า วัคซีนเข็มกระตุ้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันขึ้นอย่างมาก
โควิด-19 คร่าชีวิตผู้คนแล้วมากกว่า 5.7 ล้านรายนับตั้งแต่มันปรากฏตัวขึ้นในจีน ในเดือนธันวาคม 2019 และจนถึงตอนนี้พบผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 392 ล้านคน
(ที่มา : เอเอฟพี)
