เมืองแห่งหนึ่งของจีน ซึ่งมีประชากร 3.5 ล้านคน และอยู่ใกล้ชายแดนติดกับเวียดนาม เข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์ในวันจันทร์ (7 ก.พ.) หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากกว่า 70 เคสในช่วง 3 วันหลังสุด
จีน ชาติเศรษฐกิจหลักของโลกเพียงรายเดียวที่ยังคงยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ อยู่ในการเฝ้าระวังขั้นสูงต่อการแพร่ระบาดใดๆ เนื่องด้วยกรุงปักกิ่งกำลังรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในเมืองไป่เซ่อ ในมณฑลกว่างซี ทางภาคใต้ของจีน แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (6 ก.พ.) ว่าจะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกเมือง และชาวบ้านในบางเขตจำเป็นต้องกักตัวเองในที่พักอาศัย "มาตรการควบคุมการสัญจรทั่วเมืองจะมีการบังคับใช้" รองนายกเทศมนตรีระบุ
รองนายกเทศมนตรีเปิดเผยต่อว่า "โดยหลักการแล้ว ยานพาหนะและผู้คนไม่สามารถเข้ามาหรือออกนอกเมือง บุคคลจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวดและจะไม่มีความเคลื่อนไหวที่ไม่มีความจำเป็นของประชาชน"
เมืองไป่เซ่อ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายแดนเวียดนามเพียงแค่ราวๆ 100 กิโลเมตร เปิดเผยในวันศุกร์ (4 ก.พ.) พบเคสผู้ติดเชื้อในชุมชนเคสแรก เป็นนักเดินทางคนหนึ่ง ซึ่งเดินทางกลับบ้านในสัปดาห์วันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน
เจ้าหน้าที่เผยว่าเวลานี้อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจเชื้อหมู่ประชาชน
เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ จีนได้สร้างแนวรั้วขึงลวดหนามอย่างหนาแน่นตามแนวชายแดนทางใต้ของประเทศ เพื่อป้องกันพวกผู้อพยพผิดกฎหมายจากเวียดนามและพม่า เช่นเดียวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการแพร่เชื้อโควิด-19
นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่อุบัติขึ้นครั้งแรกในเมืองหูเป่ย มณฑลอู่ฮั่นเมื่อ 2 ปีก่อน จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์ระดับท้องถิ่นอันเข้มงวด ตรวจเชื้อหมู่และแอปพลิเคชันติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด ในความพยายามควบคุมและสกัดการแพร่ระบาดอย่างเร็วที่สุดทันทีที่ตรวจพบเคสผู้ติดเชื้อ ส่งผลให้ประเทศแห่งนี้รอดพ้นจากการมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ดังที่พบเห็นในชาติอื่นๆ ทั่วโลก
ชาวบ้านหลายล้านคนต้องกักตัวเองอยู่แต่ในบ้านในหลายเมืองของจีน ก่อนหน้ากีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวจะเริ่มต้นขึ้น หลังพบเคสผู้ติดเชื้อที่มีทั้งตัวกลายพันธุ์เดลตา และตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งสุดท้ายแล้วเจ้าหน้าที่ก็สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นส่วนใหญ่
ในเดือนธันวาคม ชาวบ้าน 13 ล้านคนในเมืองซีอาน มหานครทางเหนือของประเทศต้องอยู่ภายใต้คำสั่งกักตัวอยู่แต่ในที่พักอาศัยนานกว่า 1 เดือน หลังเกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ พบเคสผู้ติดเชื้อมากกว่า 2,000 ราย
ชาวบ้านคร่ำครวญเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนสินค้าตามร้านขายของชำและการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเกินไปของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ซึ่งบางครั้งพบเห็นพวกเจ้าหน้าที่ห้ามคนไข้จากการเข้ารับการรักษาทางการแพทย์อันสำคัญ ส่งผลให้บางกรณีผู้ป่วยถึงขั้นเสียชีวิต
จีนรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศ 79 คนในวันจันทร์ (7 ก.พ.) ซึ่งในนั้น 37 คนอยู่ในกว่างซี
(ที่มา : เอเอฟพี)