เกาหลีเหนือออกมายืนยันในวันจันทร์ (31 ม.ค.) ว่าได้ทดสอบขีปนาวุธทรงพลังที่สุดในรอบ 5 ปีเมื่อวันอาทิตย์ (30) โดยมีพิสัยทำการไกลถึงเกาะกวมของอเมริกา จุดชนวนความกังวลว่า เปียงยางกำลังจะฟื้นการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปที่โจมตีได้ถึงแผ่นดินใหญ่อเมริการวมทั้งอาวุธนิวเคลียร์ในเร็วๆ นี้
เกาหลีใต้และญี่ปุ่นต่างรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า เกาหลีเหนือทดสอบอาวุธซึ่งน่าจะเป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง (ไอบีอาร์เอ็ม) นับเป็นการทดสอบขีปนาวุธครั้งที่ 7 แล้วในรอบเดือนมกราคมนี้ ขณะที่เป็นครั้งแรกนับจากปี 2017 ซึ่งโสมแดงทดสอบไอบีอาร์เอ็มที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์
ด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของสหรัฐฯ ที่ไม่มีการระบุนาม บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในกรุงวอชิงตันว่า อเมริกามีความกังวลว่าการรัวทดสอบอาวุธถี่ยิบเช่นนี้อาจเป็นตัวบ่งชี้ว่า โสมแดงเตรียมฟื้นการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) พร้อมกันนั้นก็ประกาศตอบโต้โสมแดง เพื่อแสดงความมุ่งมั่นต่อพันธมิตร และเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติการทดสอบอาวุธและกลับสู่โต๊ะเจรจาโดยปราศจากเงื่อนไข
เปียงยางนั้นแถลงเรื่อยมาว่า เปิดกว้างในเรื่องการใช้แนวทางการทูต แต่กล่าวหาว่าการทาบทามของวอชิงตันกลับถูกบ่อนทำลายด้วยการกระทำของสหรัฐฯ เอง ทั้งจากการที่สหรัฐฯ สนับสนุนการแซงก์ชัน ตลอดจนการซ้อมรบร่วมและการสะสมกำลังอาวุธในเกาหลีใต้และในภูมิภาค
เมื่อตอนที่มีความพยายามทางการทูตเป็นข่าวฮือฮากันในปี 2018 ซึ่งรวมถึงการประชุมสุดยอดระหวางโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ คิมได้ประกาศระงับการทดสอบนิวเคลียร์และการยิงขีปนาวุธพิสัยไกล
แต่หลังจากการเจรจากับอเมริกาชะงักงันมาตั้งแต่ปี 2019 คิมก็บอกว่าเขาจะไม่ปฏิบัติตามข้อผูกมัดดังกล่าวอีกต่อไปแล้ว และในเดือนมกราคมนี้ เกาหลีเหนือแสดงท่าทีว่าอาจกลับมาเริ่มกิจกรรมทดสอบเหล่านี้ใหม่เพราะอเมริกาไม่มีทีท่ายุตินโยบายของการเป็นปรปักษ์
นอกจากนั้น ในการปราศรัยก่อนวันปีใหม่ คิมยังเรียกร้องให้ยกระดับแสนยานุภาพทางทหารท่ามกลางสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ไม่แน่นอนจากนโยบายอันเป็นปฏิปักษ์ของอเมริกาและพันธมิตร
ทางด้านประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ กล่าวในวันจันทร์ว่า การระดมทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเตือนความจำถึงสถานการณ์ตึงเครียดในปี 2017 ที่เปียงยางทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และยิงขีปนาวุธครั้งใหญ่ที่สุด และทำให้ทรัมป์ขู่ว่าจะตอบโต้ด้วย “ไฟและความเกรี้ยวกราด”
ขณะที่ ซู วุก รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ กล่าวระหว่างเดินทางไปยังกองบัญชาการขีปนาวุธแห่งกองทัพเพื่อตรวจความพร้อมเมื่อวันจันทร์ว่า การทดสอบขีปนาวุธหลายระลอกของเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามอย่างรุนแรงและโดยตรงต่อเกาหลีใต้ และเป็นความท้าทายใหญ่หลวงต่อสันติภาพและเสถียรภาพของนานาชาติ ดังนั้น เกาหลีใต้จึงต้องเตรียมพร้อมทางทหารอย่างเต็มที่เพื่อให้สามารถรับมือสถานการณ์ได้ทันที
ส่วนที่ญี่ปุ่น รัฐมนตรีกลาโหม โนบูโอะ คิชิ กล่าวว่า เกาหลีเหนือพยายามยั่วยุนานาชาติ และความเคลื่อนไหวล่าสุดสะท้อนความคืบหน้าสำคัญในเทคโนโลยีขีปนาวุธที่ไม่อาจยอมรับได้
ในวันจันทร์ สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยาง ยังได้ออกมายืนยันว่า การทดสอบในวันอาทิตย์เป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง “ฮวาซอง-12” ที่มีความแม่นยำ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และสามารถยิงไกลถึงดินแดนเกาะกวมของอเมริกา
ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือเคยเผยว่า ฮวาซอง-12 สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์หนักขนาดใหญ่ ขณะที่พวกนักวิเคราะห์ประเมินว่า ยิงได้ไกล 4,500 กิโลเมตร
เมื่อเดือนสิงหาคม 2017 ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ทรัมป์ขู่เกาหลีเหนือว่าจะต้องพบ “ไฟและความเกรี้ยวกราด” ผู้บัญชาการกองกำลังยุทธศาสตร์โสมแดงได้ออกมาตอบโต้ว่า กำลังพิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับแผน “ไฟบรรลัยกัลป์” ที่เกี่ยวข้องกับการยิงขีปนาวุธฮวาซอง-12 จำนวน 4 ลูกไปยังกวม
ปีนั้นเกาหลีเหนือทดสอบฮวาซอง-12 อย่างน้อย 6 ครั้ง ซึ่งรวมถึงการยิงข้ามเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่น 2 ครั้ง และตามด้วยการทดสอบฮวาซอง-15 ซึ่งเป็นขีปนาวุธข้ามทวีปที่โจมตีได้ไกลถึงแผ่นดินใหญ่อเมริกา
อย่างไรก็ดี เคซีเอ็นเอกล่าวว่า การทดสอบเมื่อวันอาทิตย์ดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อให้มั่นใจว่า ไม่กระทบความปลอดภัยของเพื่อนบ้าน และเสริมว่า หัวรบที่ทดสอบติดตั้งกล้องเพื่อถ่ายภาพขณะขึ้นสู่อวกาศ
ฮองมิน จากสถาบันเกาหลีเพื่อการรวมชาติ ชี้ว่า การทดสอบฮวาซอง-12 เมื่อวันอาทิตย์ อาจเป็นการส่งสัญญาณว่า เกาหลีเหนือกำลังจะทดสอบไอซีบีเอ็มเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2017
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)