กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เรียกร้องวานนี้ (25 ม.ค.) ให้รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ทบทวนการอนุมัติรับรอง “บิตคอยน์” เป็นเงินที่ใช้ได้อย่างถูกกฎหมาย พร้อมเตือนว่าการใช้เงินคริปโตยังคงมีความเสี่ยงสูงมาก
เอลซัลวาดอร์กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ยอมรับบิตคอยน์เป็นเงินถูกกฎหมายตั้งแต่เดือน ก.ย.ปีที่แล้ว โดยอนุญาตให้ประชาชนสามารถใช้เงินดิจิทัลในการทำธุรกรรมทุกประเภท ควบคู่ไปกับดอลลาร์สหรัฐ
คำเตือนจากไอเอ็มเอฟมีขึ้นหลังจากที่มูลค่าคริปโตร่วงหนักจากที่เคยพุ่งทุบสถิติเมื่อช่วงเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว รวมไปถึงความผันผวนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟเคยขอให้ประธานาธิบดี นายิบ บูเคเล แห่งเอลซัลวาดอร์ ทบทวนแผนการรับบิตคอยน์เข้าสู่ระบบการเงินมาแล้วครั้งหนึ่ง และสำหรับคราวนี้เป็นคำเตือน “แรงๆ” ที่ส่งตรงมาจากคณะกรรมการบริหารไอเอ็มเอฟ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากรัฐสมาชิกต่างๆ รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย
ผู้บริหารไอเอ็มเอฟแนะให้เอลซัลวาดอร์แก้ไขกฎหมายบิตคอยน์ให้แคบลง โดยถอดถอนสถานะความเป็น “เงินถูกกฎหมาย” เสีย ขณะเดียวกัน ย้ำว่า การใช้บิตคอยน์หรือการออกพันธบัตรที่รับรองโดยบิตคอยน์ “ก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงมากต่อเสถียรภาพทางการเงิน บูรณภาพทางการเงิน และการปกป้องผู้บริโภค”
ราคาบิตคอยน์เมื่อวันอังคาร (25) ร่วงลงมาอยู่ที่ราวๆ 37,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าราคาสูงสุดตลอดกาล 67,734 ดอลลาร์ที่ทำไว้ในเดือน พ.ย.ปีที่แล้วประมาณ 50%
มูลค่าบิตคอยน์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2021 สืบเนื่องจากนักลงทุนวอลล์สตรีทเริ่มหันมาให้ความสนใจกับเงินคริปโตมากขึ้น ขณะที่ทวีตต่างๆ ของ “อีลอน มัสก์” เจ้าพ่อเทสลา เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้มีอิทธิพลต่อการขึ้น-ลงของตลาดคริปโตอยู่ไม่น้อย
การประกาศรับรองบิตคอยน์ในเอลซัลวาดอร์กลายเป็นข่าวที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ขณะเดียวกัน มีประชาชนส่วนหนึ่งในกรุงซานซัลวาดอร์ออกมาประท้วงต่อต้าน และมีการเผาตู้ ATM บิตคอยน์ด้วย
อย่างไรก็ดี รัฐบาล บูเคเล ยังคงไม่สะทกสะท้าน แถมยังประกาศเมื่อเดือน พ.ย.ว่าจะสร้าง “เมืองบิตคอยน์” แห่งแรกของโลกที่ใช้พลังงานจากภูเขาไฟในการขุดเหมืองบิตคอยน์ และใช้เงินลงทุนจากการออกพันธบัตรคริปโตมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา : เอเอฟพี