ยูเอสเอส เจรัลด์ อาร์.ฟอร์ด เรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่ล่าสุดของสหรัฐฯ มูลค่า 13,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 420,000 ล้านบาท) ก่อความกังวลเพิ่มเติมแก่เพนตากอน หลังผลการประเมินรอบใหม่เน้นว่าเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ "ยังไม่ได้พิสูจน์ว่ามันสามารถป้องกันตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพในการรับมือกับขีปนาวุธต่อต้านเรือและภัยคุกคามอื่นๆ"
ในรายงานที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้มาก่อนมีการเผยแพร่อย่างเป็นทางการ ให้รายละเอียดว่า ตัวสกัดกั้นขีปนาวุธของเรือ เรดาร์และระบบจ่ายข้อมูลทำงานติดๆ ขัดๆ ภายใต้เงื่อนไขการทดสอบจำกัดแสนยานุภาพของเรือบรรทุกเครื่องบินในการทำลายอาวุธของฝ่ายศัตรูที่พุ่งตรงเข้ามา
สำนักงานการทดสอบของเพนตากอนระบุว่า การประเมินระบบสำคัญๆ "พบการออกแบบหลายอย่างไม่เป็นไปตามที่เปิดเผยก่อนหน้านี้" พร้อมบอกว่าทางกองทัพเรือได้เน้นให้เห็นถึงจุดต่างๆ ที่เรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้และเรือติดตาม 3 ลำ อาจจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อเพิ่มศักยภาพการอยู่รอดจากภัยคุกคาม
คำประเมินระบุว่า "ดูเหมือนมันจะขาดศักยภาพในการลบล้างภัยคุกคามที่พุ่งเข้ามา แม้ระบบเซ็นเซอร์สามารถตรวจจับ ติดตามและสู้รบกับเป้าหมายได้อย่างน่าพอใจ"
"ระบบคล้ายปืนแกตลิงของเรือบรรทุกเครื่องบิน ก็ประสบปัญหาขัดข้องต่างๆ ในหลากหลายกรณี ซึ่งเป็นตัวขัดขวางระบบจากการปฏิบัติภารกิจ" สำนักงานการทดสอบของเพนตากอนระบุ
รายงานฉบับนี้ซึ่งมีทั้งส่วนข้อมูลที่ไม่เป็นความลับและข้อมูลที่ไม่จัดอยู่ในประเภทควบคุม ได้ถูกส่งไปยังกองทัพเรือแล้ว บลูมเบิร์กรายงาน
อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับนี้อ้างว่ามันเป็นเพียงการประเมินแบบจำกัดต่อประสิทธิภาพของระบบสู้รบของเรือบรรทุกเครื่องบินในปัจจุบัน และเน้นว่าทางสำนักงานการทดสอบของเพนตากอนมีแผนส่งรายงานชั่วคราวฉบับหนึ่งไปให้สภาคองเกรสภายในวันที่ 30 กันยายน
เรือลำนี้ถือเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ชั้นใหม่ของสหรัฐฯ ที่จะเฉิดฉายแสนยานุภาพของสหรัฐฯ ไปทั่วโลก แต่มันถูกรุมล้อมด้วยประเด็นความน่าเชื่อถือต่างๆ นับตั้งแต่มันถูกส่งมอบให้กองทัพเรือเมื่อ 4 ปีก่อน
เมื่อเดือนมกราคมปีก่อน รายงานแบบเดียวกันได้เน้นย้ำในประเด็นปัญหาเกี่ยวกับระบบเทกออฟและระบบลงจอดรุ่นใหม่ของเรือบรรทุกเครื่องบิน ขณะที่การประเมินล่าสุดยังได้เน้นเกี่ยวกับความไม่น่าใจวางใจของระบบการส่งและกลับคืน (Launch and Recovery System) อากาศยานของเรือบรรทุกเครื่องบินเช่นกัน
(ที่มา : บลูมเบิร์ก/รัสเซียทูเดย์)