ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพฤหัสบดี (6 ม.ค.) หลังเกิดสถานการณ์ความไม่สงบในคาซัคสถาน ชาติผู้ผลิตสมาชิกโอเปกพลัสและปัญหาด้านอุปทานในลิเบีย ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบและทองคำร่วงหนัก กังวลเฟดกระชับนโยบายทางการเงิน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.61 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 1.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กองกำลังความมั่นคงลิเบียเกิดปะทะกับพวกก่อจลาจลต่อต้านรัฐบาลในอัลมาตี เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ หลังเกิดการประท้วงอันมีชนวนเหตุจากการปรับขึ้นราคาแก๊สปิโตรเลียมเหลวเท่าตัว
สถาบันการเงินคอมเมอร์ซแบงก์บอกกับรอยเตอร์ว่า "สถานการณ์ทางการเมืองในคาซัคสถานกำลังตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ และประเทศแห่งนี้ปัจจุบันผลิตน้ำมัน 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน"
ขณะเดียวกัน ลิเบีย กำลังผลิตเหลือ 729,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลงจากระดับสูงมากกว่า 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งจากการซ่อมบำรุงและปิดบ่อน้ำมันต่างๆ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (6 ม.ค.) ปิดลบเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน นักลงทุนทบทวนข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ผสมผสานและมีความกังวลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่กำลังกระชับนโยบายทางการเงิน
ดาวโจนส์ ลดลง 170.64 จุด (0.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 36,236.47 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 4.53 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,696.05 จุด แนสแดค ลดลง 19.31 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,080.86 จุด
นักลงทุนยังคงเพ่งเล็งไปที่แนวโน้มการกระชับนโยบายทางการเมืองของเฟด หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ แห่งนี้ส่งสัญญาณอีกครั้งว่ามีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2022 เช่นเดียวกับลดระดับการเข้าซื้อพันธบัตรเร็วกว่าที่คาดหมายไว้
ด้านราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (6 ม.ค.) ขยับลงวันเดียวหนักที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ กังวลเฟดกระชับนโยบายทางการเงิน โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 35.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,789.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)