ราคาน้ำมันปรับขึ้นในวันพฤหัสบดี (16 ธ.ค.) ยังได้แรงหนุนจากข้อมูลคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯ และดอลลาร์อ่อนค่า ปัจจัยหลังนี้ฉุดทองคำขยับลง ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ หนึ่งวันหลังเฟดแถลงยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยุคโรคระบาดใหญ่เร็วขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1.51 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ รายงานในวันพุธ (15 ธ.ค.) คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลง 4.58 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนสต๊อกน้ำมันกลั่นและเบนซินก็ลดลงเช่นกัน ส่งสัญญาณว่าก่อนหน้านี้พวกนักลงทุนอาจกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ทางพลังงานมากเกินไป
ในวันพฤหัสบดี (16 ธ.ค.) ตลาดน้ำมันซื้อขายกันค่อนข้างเบาบาง ขณะที่ดอลลาร์ที่อ่อนค่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนตลาด และปัจจัยนี้เองที่ผลักให้ราคาทองคำปิดสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ ราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 33.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,798.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (16 ธ.ค.) ปิดลบ แนสแดคขยับลงหนัก หนึ่งวันหลังจากเฟดแถลงจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณยุคโรคระบาดใหญในเดือนมีนาคมปีหน้า กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายกลุ่มเทคโนโลยีแล้วหันไปหาภาคต่างๆ ที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจมากกว่า
ดาวโจนส์ ลดลง 29.79 จุด (0.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 35,897.64 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 41.18 จุด (0.87 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,668.67 จุด แนสแดค ลดลง 385.15 จุด (2.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,180.43 จุด
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับเป้าหมายแล้ว และแถลงจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณในเดือนมีนาคมปีหน้า เปิดทางสำหรับปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในช่วงสิ้นปี 2022
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างความพึงพอใจแก่นักลงทุนจำนวนมาก ซึ่งเริ่มมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่ดีดตัว สืบเนื่องจากโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
อย่างไรก็ตาม ตลาดแกว่งตัวในแดนลบในช่วงท้ายของการซื้อขาย เนื่องจากความเคลื่อนไหวของเฟดผลักนักลงทุนเทขายกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นที่การเติบโตสูง แล้วหันไปหาภาคต่างๆ ที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจมากกว่า
(ที่มา : บลูมเบิร์ก/รอยเตอร์)
