xs
xsm
sm
md
lg

‘แอปเปิล’ ขึ้นแท่นบริษัทอเมริกันแห่งแรก มีมูลค่าการตลาดทะลุ $3 ล้านล้าน!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แอปเปิล อิงค์ ในวันจันทร์ (3 ม.ค.) กลายเป็นบริษัทอเมริกันแห่งแรกที่มีมูลค่าการตลาดแตะระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนเชื่อมั่นว่าผู้ผลิตไอโฟนแห่งนี้จะยังคงเดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุด ในขณะที่ทางบริษัทเองก็กำลังสำรวจตลาดใหม่ๆ อย่างเช่นธุรกิจยานยนต์ไร้คนขับ และเทคโนโลยีเมตาเวิร์ส (metaverse)

ระหว่างการซื้อขายในวันแรกของปี 2022 หุ้นของแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้นไปที่ 182.88 ดอลลาร์ ทุบสถิติสูงสุด ทำให้มูลค่ารวมของบริษัทแตะระดับสูงสุดใหม่ไปโดยปริยาย

บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกแห่งนี้กลายเป็นบริษัทแรกที่มีมูลค่าการตลาดทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่นักลงทุนคาดหมายว่าพวกผู้บริโภคจะยังคงยอมควักกระเป๋าให้ได้เป็นเจ้าของไอโฟน แมคบุ๊ก และซื้อบริการต่างๆ อย่างเช่นแอปเปิล ทีวี และ แอปเปิล มิวสิก

การที่บริษัทซึ่งได้ชื่อว่ามีมูลค่าสูงที่สุดในโลกแห่งนี้สามารถก้าวขึ้นมาถึงหลักชัยใหม่และทำสถิติมูลค่าทางการตลาดได้สูงเช่นนี้ แดเนียล อีฟส์ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ Wedbush Securities เชื่อว่า มันยิ่งเป็นการตอกย้ำความมั่นใจในการกุมบังเหียนธุรกิจแห่งนี้ของ ทิม คุ้ก ซีอีโอของบริษัทยิ่งขึ้นไปอีก

หุ้นของแอปเปิล เคยมีมูลค่าการตลาด 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เคียงข้างไมโครซอฟท์ ที่ตอนนี้มีมูลค่าการตลาดราว 2.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนอัลฟาเบ็ท บริษัทแม่ของกูเกิลและแอมะซอนดอทคอม อิงค์ มีมูลค่าการตลาดเหนือ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

การอ้าแขนต้อนรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว เช่น 5G, AR/VR และปัญญาประดิษฐ์ ยังมีส่วนช่วยให้หุ้นของบริษัทเหล่านี้กลายเป็นที่โปรดปรานของตลาด นักลงทุนเคลื่อนเข้าหาบรรดาบริษัทร่ำรวยเงินสดและปลีกตัวออกจากห่างภาคธุรกิจที่มีความอ่อนไหวต่อการเติบโตของเศรษฐกิจมากกว่า

แอปเปิล เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยี 5G อย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีที่จะมีความสำคัญอย่างกว้างขวางในอนาคต ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนครั้งใหญ่แก่บริษัท และเมื่อเร็วๆ นี้พวกเขาเพิ่งเปิดตัวไอโฟน 13 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่น 2 ที่ใช้เทคโนโลยี 5G

ขณะเดียวกัน บริษัทสัญชาติอเมริกันแห่งนี้ยังสามารถยึดความเป็นผู้นำตลาดในประเทศจีน ในหมวดโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เหนือคู่แข่งท้องถิ่น ทั้งวีโว่ (Vivo) และ (Xiaomi) ตามข้อมูลของบริษัทวิจัย CounterPoint Research

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น