สายการบินทั่วโลกยกเลิกการให้บริการกว่า 4,000 เที่ยวบินเมื่อวันอาทิตย์ (2 ม.ค.) โดยกว่าครึ่งเป็นเที่ยวบินในอเมริกา สืบเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายและการระบาดของ “โอมิครอน” ทั้งนี้ ตัวกลายพันธุ์ซึ่งแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วที่สุดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวนี้ ยังทำให้อิสราเอลเร่งแผนฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 4 ขณะที่อีกหลายประเทศเดินหน้าฉีดบูสเตอร์และฉีดวัคซีนให้เยาวชน เวลาเดียวกัน สหรัฐฯ เผยว่า รัฐมนตรีกลาโหมติดโควิด แต่มีอาการเพียงเล็กน้อยเนื่องจากฉีดเข็มกระตุ้นแล้ว
จากข้อมูลของเว็บไซต์ FlightAware.com ซึ่งเฝ้าติดตามเที่ยวบินต่างๆ ทั่วโลก ระบุว่า เมื่อถึงเวลา 22.00 น.วันอาทิตย์ ตามเวลาในกรุงวอชิงตัน (ตรงกับ 3.00 น.วันจันทร์ ตามเวลาตรฐานกรีนิช หรือ 10.00 น.วันจันทร์ ตามเวลาของเมืองไทย) มีเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เริ่มต้นหรือสิ้นสุดในสหรัฐฯ จำนวนกว่า 2,650 เที่ยวบินถูกยกเลิก เกือบๆ เท่ากับจำนวน 2,750 เที่ยวบินซึ่งถูกยกเลิกไปในวันเสาร์ (1)
ตัวเลขของวันอาทิตย์ในสหรัฐฯ นี้คิดเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของเที่ยวบินเกือบๆ 4,400 เที่ยวบินซึ่งถูกยกเลิกไปทั่วโลก นอกจากนั้น ยังมีเที่ยวบินสหรัฐฯ ล่าช้าอีก 8,600 เที่ยวบิน
ปกติแล้วเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่มีการเดินทางทางเครื่องบินมากที่สุด แต่ในเวลานี้ นอกจากบางภูมิภาคของสหรัฐฯ อากาศเลวร้ายจากพายุฤดูหนาวแล้ว ยังมีปัญหาการระบาดอย่างรวดเร็วของโอมิครอนทำให้ยอดผู้ติดโควิดพุ่งพรวดพราด และสายการบินจ่อยกเลิกเที่ยวบินเนื่องจากนักบินและลูกเรือบางส่วนต้องกักตัว
เวลาเดียวกัน สหภาพสายการบินบางแห่งเผยว่า ลูกเรือ นักบิน และเจ้าหน้าที่สนับสนุนของสายการบินในอเมริกาลังเลที่จะทำงานล่วงเวลาแม้ได้ค่าตอบแทนสูงเป็นพิเศษ เนื่องจากหลายคนกลัวติดโควิดและไม่ต้องการเผชิญแนวโน้มที่ต้องรับมือผู้โดยสารที่ไร้ระเบียบวินัย
ไม่แต่เฉพาะสายการบิน พวกผู้ให้บริการเดินทางท่องเที่ยวทั่วอเมริกาต่างระงับหรือลดบริการเหมือนกัน เนื่องจากขาดแคลนพนักงานซึ่งเกี่ยวข้องกับสถานการณ์การระบาดของโควิด เช่นเดียวกับบริษัทบางแห่งที่ต้องเปลี่ยนแผนจากที่เดิมเล็งเพิ่มจำนวนพนักงานซึ่งจะต้องมาทำงานที่ออฟฟิศตั้งแต่วันจันทร์ (3) เป็นต้นไป
สำนักข่าวรอยเตอร์เผยว่า จำนวนผู้ติดโควิดเคสใหม่ในอเมริกาที่ได้รับการยืนยันในวันเสาร์ (1) อยู่ที่อย่างน้อย 346,869 คน ขณะมีเสียชีวิตอย่างน้อย 377 คน ทำให้ยอดสะสมกลายเป็น 828,562 คนนับจากโควิดเริ่มระบาด
ในวันอาทิตย์ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) แถลงว่า รัฐมนตรีลอยด์ ออสติน ติดโควิดแต่มีอาการเพียงเล็กน้อยและจะกักตัวที่บ้าน 5 วัน
ตามคำแถลงที่เผยแพร่ออกมา ออสติน บอกว่า เขาฉีดวัคซีนครบโดสและฉีดเข็มกระตุ้นแล้ว ซึ่งทำให้มีอาการน้อยกว่าที่ควรจะเป็นมาก และเสริมว่า วัคซีนยังคงใช้ได้ผลและจะเป็นข้อกำหนดสำคัญทางการแพทย์สำหรับบุคลากรในเพนตากอน นอกจากนั้น เขาจะสนับสนุนให้ทุกคนที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ฉีดวัคซีนกระตุ้น
นายใหญ่เพนตากอนบอกว่า ได้พบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม หรือกว่าหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เขาจะเริ่มแสดงอาการ และเช้าวันนั้นผลตรวจโควิดของเขาออกมาเป็นลบ
ออสตินเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะบริหารสหรัฐฯ คนล่าสุดที่ติดโควิด ก่อนหน้านี้มีสมาชิกชั้นนำในรัฐสภาหลายคนออกมาเปิดเผยว่าติดเชื้อ ขณะที่เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว ติดเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ทางด้าน อิสราเอล นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเน็ตต์ แถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า เตรียมฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 4 ให้ประชาชนอายุ 60 ปีขึ้นไปและบุคลากรการแพทย์เร็วๆ นี้ หลังจากได้รับอนุมัติจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรับมือการระบาดของโอมิครอน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพฤหัสฯ (30 ธ.ค.) อิสราเอลเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้แก่ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
เบนเน็ตต์ยังเตือนว่า จำนวนผู้ติดโควิดอาจพุ่งขึ้นเป็นวันละ 50,000 คนในเร็วๆ นี้ โดยตัวเลขเคสใหม่เมื่อวันอาทิตย์อยู่ที่ 4,206 คน เพิ่มขึ้น 195% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ ชาวอิสราเอลกว่า 4 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 9.2 ล้านคน ฉีดวัคซีนเข็ม 3 แล้ว และอิสราเอลมียอดผู้ติดเชื้อสะสมเกือบ 1.4 ล้านคน เสียชีวิต 8,244 คน
ในวันจันทร์ บูดี กูนาดี ซาดิกิน รัฐมนตรีสาธารณสุขอินโดนีเซีย เผยว่า จะเริ่มฉีดวัคซีนกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปตั้งแต่วันที่ 12 ที่จะถึงนี้ โดยจะฉีดให้ประชาชนวัยผู้ใหญ่ที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 มาแล้วเกิน 6 เดือน รวมแล้วจะมีผู้ที่อยู่ภายใต้แผนการฉีดวัคซีนกระตุ้นในเดือนนี้ 21 ล้านคน
ปัจจุบัน ชาวอินโดนีเซียที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมีจำนวน 42% จากประชากรทั้งหมด 270 ล้านคน โดยใช้วัคซีนของซิโนแวค ไบโอเทค ไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค หรือโมเดอร์นา
นับจากเดือนที่ผ่านมา อินโดนีเซียพบผู้ติดโอมิครอนกว่า 150 คน ส่วนใหญ่เป็นนักเดินทางจากต่างประเทศ แต่มี 6 คนเป็นการติดเชื้อในท้องถิ่นในจาการ์ตา สุราบายา เมดาน และบาหลี
ขณะเดียวกัน อินเดียเริ่มฉีดวัคซีนให้เยาวชนอายุ 15-18 ปี ท่ามกลางความกังวลว่า โอมิครอนจะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอีก
กระทรวงสาธารณสุขอินเดียเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 33,750 คน เสียชีวิต 123 คน และจำนวนผู้ติดโอมิครอนทั้งหมดอยู่ที่ 1,700 คน
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)