นายกรัฐมนตรีอิสราเอลแถลงวานนี้ (19 ธ.ค.) ว่า ประเทศกำลังเผชิญโควิด-19 ‘ระลอกที่ 5’ สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน พร้อมเตือนประชาชนรีบเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น และส่งเสริมการทำงานจากที่บ้านเพื่อลดความเสี่ยง
ในการแถลงผ่านสื่อโทรทัศน์ นายกรัฐมนตรี นัฟตาลี เบนเนตต์ ระบุว่า การที่อิสราเอลรีบออกมาตรการจำกัดการเดินทาง หลังพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนรายแรกเมื่อเดือน พ.ย. “ช่วยซื้อเวลาได้บางส่วน” แต่ช่วงเวลาดังกล่าวกำลังจะหมดลง และคาดว่าจำนวนผู้ป่วยจะพุ่งสูงขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
ในวันเดียวกัน คณะที่ปรึกษาของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลได้เสนอให้รัฐบาลเพิ่ม “สหรัฐอเมริกา” ลงในบัญชีแดงประเทศเสี่ยงโควิด ซึ่งพลเมืองอิสราเอลไม่สามารถเดินทางไปเยือนได้ เว้นแต่จะขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษ
อย่างไรก็ดี คำแถลงของ เบนเนตต์ ยังไม่ได้มีการเอ่ยถึงข้อเสนอดังกล่าว
กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลรายงานพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่ยืนยันแล้วอย่างน้อย 134 ราย และมีเคสต้องสงสัยอีก 307 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่แสดงอาการ 167 ราย
“เวลาที่เราซื้อกำลังจะหมดไป แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะยังไม่สูง แต่ไวรัสตัวนี้แพร่กระจายได้เร็วเป็นพิเศษ และยอดผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในระยะเวลาแค่ 2-3 วัน อย่างที่เห็นในหลายประเทศ ดังนั้น จึงอาจพูดได้ว่า การระบาดระลอกที่ 5 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” เบนเนตต์ เตือน
หลังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนกลุ่มแรกๆ ที่แอฟริกาใต้และฮ่องกงเมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลอิสราเอลได้ประกาศห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศทันทีในวันที่ 25 พ.ย. ส่วนพลเมืองอิสราเอลที่กลับมาจากต่างแดนก็จะต้องกักตัว 14 วัน
อย่างไรก็ดี นายกฯ เบนเนตต์ เองก็โดนกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย หลังปล่อยให้ภริยาและลูกๆ เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ในขณะที่ประชาชนถูกห้ามไม่ให้ทำเช่นนั้น
ที่มา : รอยเตอร์