xs
xsm
sm
md
lg

งานหยาบ! อินเดียพบ 2 เคสแรกติดเชื้อ 'โอมิครอน' ต่างฉีดวัคซีนครบแล้ว หนึ่งในนั้นไม่เคยไปต่างประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อินเดียรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์โอมิครอน 2 รายแรกของประเทศในวันพฤหัสบดี (2 ธ.ค.) แต่รัฐบาลระบุไม่มีแผนอนุมัติฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น แม้มีเสียงเรียกร้องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

กระทรวงสาธารณสุขรัฐบาลกลางระบุว่าคนไข้ชาย 2 คนที่ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ มีอายุ 66 ปี และ 46 ปี และทั้งคู่แสดงอาการแค่เล็กน้อย

ด้านกระทรวงสาธารณสุขแห่งรัฐกรณาฏกะ ทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นรัฐที่พบผู้ติดเชื้อ ระบุว่า บุคคลรายแรกมีสัญชาติแอฟริกาใต้ ใช้ชีวิตอยู่ในอินเดีย 1 สัปดาห์และเดินทางออกไปเมื่อวันเสาร์ (25 ธ.ค.) หลังมีผลตรวจเป็นลบ ขณะที่ผู้สัมผัสใกล้ชิดเขามากกว่า 250 คนมีผลตรวจออกมาเป็นลบ

ส่วนคนที่ 2 เป็นแพทย์ชาวอินเดีย ไม่เคยมีประวัติการเดินทาง จากการเปิดเผยของ เค. ซูดาคาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขแห่งรัฐกรณาฏกะ และทั้ง 2 คนฉีดวัคซีนครบเข็มแล้ว

แพทย์รายนี้กักกันโรคตนเองในวันที่ 23 พฤศจิกายน หลังรู้สึกไม่สบาย และผู้สัมผัสใกล้ชิดแพทย์รายนี้ 5 รายที่มีผลตรวจเป็นบวก และกำลังตรวจสอบตัวอย่างของพวกเขาเพื่อสรุปว่าเป็นตัวกลายพันธุ์โอมิครอนหรือไม่

อินเดีย ซึ่ยเคยมีจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตพุ่งทะยานในเดือนเมษายนและพฤษภาคม สืบเนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตา ฉีดวัคซีนประชาชนครบเข็มแล้วเพียง 49% จากประชากรวัยผู้ใหญ่ 944 ล้านคน แม้อุปทานวัคซีนที่ผลิตเองภายในประเทศจะมีอย่างล้นเหลือ

มีอยู่ราว 84% ที่ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม แต่ยังไม่มีการฉีดวัคซีนให้บุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเรียกร้องรัฐบาลในวันพฤหัสบดี (2 ธ.ค.) ให้พิจารณาฉีดเข็มกระตุ้นพวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและกลุ่มคนอ่อนแอ ด้วยที่คลังวัคซีนของรัฐมีอยู่เกือบ 230 ล้านโดส

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ความสำคัญไปที่การฉีดวัคซีนครบเข็มแก่ประชากรวัยผู้ใหญ่ทุกคนเป็นลำดับแรก

"เราต้องไปเบี่ยงเป้าหมายของเราในการฉีดวัคซีน 2 เข็มให้แต่ละบุคคลที่มีสิทธิฉีดวัคซีน" วิโนด คูมาร์ ปาอูล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงกล่าว พร้อมระบุว่าไม่มีแผนปรับลดระยะเวลาของการฉีดเข็มแรกกับเข็มสองของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า

อินเดียพบเคสผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 9,765 คนในวันพฤหัสบดี (2 ธ.ค.) ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเป็น 34.61 ล้านคน และพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 477 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเป็น 469,724 คน

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น