คนร้ายกดระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีผู้ที่มาสวดมนต์ภายในมัสยิดนิกายชีอะห์แห่งหนึ่งในเมืองกุนดุซ (Kunduz) ของอัฟกานิสถาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 55 ราย ซึ่งถือเป็นเหตุโจมตีนองเลือดที่สุดนับตั้งแต่สหรัฐฯ ได้ถอนทหารออกไปเมื่อปลายเดือน ส.ค.
เหตุระเบิดซึ่งเกิดขึ้นในช่วงพิธีละหมาดวันศุกร์ (8 ต.ค.) ยังทำให้ชาวมุสลิมชีอะห์กลุ่มน้อยบาดเจ็บไปอีกหลายสิบคน
กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามโคราซาน (IS-K) ซึ่งเป็นเครือข่ายไอเอสในภูมิภาค ได้ออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบต่อปฏิบัติการที่มุ่งสร้างความปั่นป่วนให้ “ตอลิบาน” ซึ่งกลับมาครองอำนาจในประเทศอีกครั้ง
แม้ทั้ง 2 กลุ่มนี้จะเป็นมุสลิมนิกายสุหนี่เหมือนกัน แต่ไม่ลงรอย และแข่งกันสร้างอิทธิพลมาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมา ชุมชนมุสลิมชีอะห์ในอัฟกานิสถานมักตกเป็นเป้าหมายของไอเอสอยู่เสมอ
“มันน่ากลัวจริงๆ เพื่อนบ้านของเราตายและบาดเจ็บกันไปหลายคน เด็กอายุ 16 คนหนึ่งก็ตาย เพิ่งหาศพเจอแค่ครึ่งเดียว” ครูคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ใกล้ๆ มัสยิด ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
ภาพถ่ายจุดเกิดเหตุเผยให้เห็นห้องละหมาดที่ข้าวของกระจัดกระจาย กระจกหน้าต่างแตกจากแรงระเบิด และมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่ว และมีภาพของชาวบ้านที่ช่วยกันแบกศพไปขึ้นรถพยาบาล
แหล่งข่าวที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดกุนดุซ ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 คน และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 55 คนถูกส่งไปที่นั่น ขณะที่องค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) ยืนยันว่าโรงพยาบาลของ MSF รับร่างผู้เสียชีวิตไว้ 20 ศพ รวมถึงผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบคน
หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของตอลิบานในเมืองกุนดุซกล่าวโทษมือระเบิดไอเอสว่ามีเจตนายุยงให้เกิดความแตกแยกระหว่างชาวมุสลิมสุหนี่และชีอะห์
“เราขอรับรองกับพี่น้องชาวชีอะห์ว่า เราจะให้ความคุ้มครองพวกเขา และเหตุการณ์แบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก” มูลาวี ดอสต์ มูฮัมหมัด เจ้าหน้าที่ตอลิบาน ระบุ
ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเล่าว่า ตอนที่เกิดระเบิดน่าจะมีคนอยู่ในมัสยิดประมาณ 300-400 คน ขณะที่ อันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ เรียกร้องให้นำตัวผู้เกี่ยวข้องมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม
ไมเคิล คูเกลแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียใต้จากศูนย์นานาชาติเพื่อนักวิชาการวูดโรว์วิลสัน (Woodrow Wilson International Center for Scholars) บอกกับเอเอฟพีว่า การกระชับอำนาจของตอลิบานจะไม่ง่ายดายอย่างแน่นอน ตราบใดที่พวกเขายังขจัดลัทธิก่อการร้ายและแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้
ที่มา : เอเอฟพี