เมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของหัวเว่ย บรรลุข้อตกลงใหม่กับอัยการสหรัฐฯ ซึ่งนำไปสู่การถอนฟ้องคดีฉ้อโกงธนาคาร และได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากแคนาดากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ (24 ก.ย.) นับเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญที่ช่วยปลดล็อกปัญหาความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ไปได้อีกเปลาะหนึ่ง
การจับกุมผู้บริหารระดับสูงของ หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ และคำขอส่งตัวเธอไปสหรัฐฯ ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจตกต่ำลงมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายจีนยืนยันมาโดยตลอดว่า สหรัฐฯ ต้อง “จบ” คดีนี้เสียเพื่อยุติข้อพิพาททางการทูต
ทั้งนี้ ข้อตกลงถอนฟ้อง เมิ่ง หว่านโจว อาจทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดนพวกนักการเมืองอเมริกันสายเหยี่ยวโจมตีว่า “ยอมแพ้” ให้กับจีนและหัวเว่ย ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของแดนมังกรที่เป็นคู่แข่งทางเทคโนโลยีกับอเมริกา
เมิ่ง ซึ่งเป็นบุตรสาวของ เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ถูกตำรวจแคนาดาควบคุมตัวที่ท่าอากาศยานนานาชาติแวนคูเวอร์ เมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2018 โดยเป็นไปตามคำขอของสหรัฐฯ ซึ่งต้องการได้ตัวเธอไปดำเนินคดีฐานฉ้อโกงธนาคาร HSBC จากกรณีที่หัวเว่ยปกปิดธุรกรรมกับอิหร่านในปี 2013
หลัง เมิ่ง ถูกจับได้ไม่นานนัก จีนก็ตอบโต้ด้วยการจับนักธุรกิจและอดีตนักการทูตชาวแคนาดา และดำเนินคดีกับทั้งคู่ในข้อหา “จารกรรม” ทว่า ปักกิ่งไม่เคยยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นการแก้แค้นกรณีลูกสาวหัวเว่ย
ล่าสุด มีรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงระงับการดำเนินคดีฐานฉ้อโกงกับ เมิ่ง หว่านโจว โดย นิโคล เบคแมนน์ รักษาการอัยการแขวงตะวันออกของนิวยอร์ก ประกาศว่า “เมิ่ง ได้แสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่เธอมีส่วนสำคัญในการกระทำฉ้อโกงสถาบันการเงินระดับโลก”
ข้อตกลงฉบับนี้มีผลเฉพาะกับตัว เมิ่ง เท่านั้น และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า ยังเตรียมที่จะหาหลักฐานมาพิสูจน์ยืนยันความผิดของหัวเว่ยในชั้นศาลต่อไป
แหล่งข่าวยืนยันว่า เมิ่ง ได้ขึ้นเครื่องบินออกจากแคนาดาไปยังนครเซินเจิ้นของจีนแล้วตั้งแต่ค่ำวันศุกร์ (24)
ระหว่างการไต่สวนคดีในศาลบรุกลิน ซึ่ง เมิ่ง ได้เข้าร่วมรับฟังจากแคนาดาเมื่อวานนี้ (24) ผู้ช่วยอัยการ เดวิด เคสเลอร์ ประกาศว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะ “ถอนฟ้อง” ทุกข้อหา หาก เมิ่ง ปฏิบัติตามเงื่อนไขในข้อตกลงซึ่งจะสิ้นสุดในเดือน ธ.ค. ปี 2022 อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
เคสเลอร์ ระบุด้วยว่า เมิ่ง จะได้รับการปล่อยตัวภายใต้หลักประกันของตนเอง (personal recognizance bond) และสหรัฐฯ มีแผนที่จะถอนคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
ทั้งนี้ เมิ่ง ยังคงยืนกรานปฏิเสธทุกข้อหา และ “ถอนหายใจ” ออกมาด้วยความโล่งอก หลังจากที่ผู้พิพากษาศาลแขวง แอนน์ ดอลเนลลี ประกาศอนุมัติข้อตกลงระงับการดำเนินคดี
ต่อมา ผู้พิพากษาแคนาดาได้ลงนามปล่อยตัว เมิ่ง ยกเลิกเงื่อนไขประกันตัว และอนุญาตให้เธอมีอิสระในการเดินทางเป็นครั้งแรก หลังถูกกักตัวที่บ้านพักในแวนคูเวอร์มานานเกือบ 3 ปี
หลังได้รับอิสรภาพ เมิ่งได้เข้าสวมกอดและขอบคุณทีมทนายของเธอ พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์กับผู้สนับสนุนและสื่อมวลชน โดยกล่าวขอบคุณผู้พิพากษาแคนาดาที่ “ให้ความเป็นธรรม” และยอมรับว่าคดีนี้ทำให้ชีวิตของเธอ “พลิกผัน” ไปในทางที่เลวร้าย
“ดิฉันขอขอบคุณอย่างจริงใจต่อสถานทูตจีนประจำแคนาดาที่ได้ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด... 3 ปีมานี้ชีวิตของดิฉันพลิกผันไปในทางที่เลวร้าย มันเป็นช่วงเวลาแห่งความยุ่งยากสำหรับดิฉันในฐานะแม่ ภรรยา และผู้บริหารของบริษัท แต่ดิฉันเชื่อว่าเมฆหมอกย่อมมีวันสลาย และมันคือประสบการณ์ที่มีค่ายิ่งสำหรับชีวิตของดิฉัน”
“ดังสำนวนที่ว่า ยิ่งยากลำบาก ก็ยิ่งเติบโต”
การดำเนินคดีกับ เมิ่ง หว่านโจว นั้นเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญต่อต้านหัวเว่ย ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่สหรัฐฯ อ้างว่ามีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลจีนและกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อ้างว่าโทรศัพท์ เราเตอร์ และอุปกรณ์แปลงไฟฟ้า (switching equipment) ของหัวเว่ยที่ใช้กันอย่างแพร่หลายอาจเป็นช่องทาง “ประตูหลัง” ให้หน่วยข่าวกรองจีนเข้าถึงระบบสื่อสารทั่วโลก
ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี