ซาอาดี กัดดาฟี บุตรชายคนที่ 3 ของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำเผด็จการลิเบีย ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำแล้ว ขณะที่สื่อรายงานว่าเขาได้ขึ้นเครื่องบินเดินทางไปยังตุรกีทันที
แหล่งข่าวทั้งในกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานอัยการลิเบียยืนยันกับเอเอฟพีวานนี้ (5 ก.ย.) ว่า ซาอาดี ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำแล้วจริง และมีสิทธิที่จะพำนักอยู่ในลิเบีย หรือเดินทางออกนอกประเทศก็ได้
ซาอาดี วัย 47 ปี ขึ้นชื่อว่าเป็นหนุ่มเจ้าสำราญในสมัยที่บิดาของเขายังเรืองอำนาจ ทว่าหลังเกิดการปฏิวัติทางการเมืองครั้งใหญ่ในลิเบียเมื่อปี 2011 ซึ่งทำให้บิดาของเขาถูกสังหาร ซาอาดีก็ได้หลบหนีไปกบดานที่ไนเจอร์ ก่อนจะถูกทางการไนเจอร์ส่งตัวกลับมายังลิเบียในปี 2014
ซาอาดี ซึ่งเคยเล่นฟุตบอลอาชีพให้สโมสรในอิตาลี ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนก่ออาชญากรรมต่อผู้ประท้วงในลิเบีย และยังเคยตกเป็นผู้ต้องหาฆาตกรรม บาชีร์ อัล-รายานี โค้ชฟุตบอลชาวลิเบียเมื่อปี 2005 ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้เขาพ้นจากข้อกล่าวหาฆาตกรรมในเดือน เม.ย. ปี 2018
พ.อ.กัดดาฟี ถูกฝ่ายกบฏบุกสังหารที่เมืองซีราเต (Sirte) พร้อมกับ “มูตัสซิม” บุตรชายคนที่ 4 เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ปี 2011 และก่อนหน้านั้น เซอิฟ อัล-อาหรับ บุตรชายคนที่ 6 ของเขา เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของนาโตในเดือน เม.ย. ปีเดียวกัน ส่วน คามิส ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กสุดก็ตายระหว่างการรบในอีก 4 เดือนต่อมา
สมาชิกในครอบครัวกัดดาฟีที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ ได้แก่ นาง ซาฟิยา ภรรยาของอดีตผู้นำผู้ล่วงลับ โมฮัมหมัด บุตรชายคนโต ไอชา บุตรสาว เซอิฟ อัล-อิสลาม บุตรชายคนที่ 2 ซึ่งประกาศตัวเป็นทายาททางการเมือง ซาอาดี บุตรชายคนที่ 3 และฮานนิบาล บุตรชายคนที่ 5
เซอิฟ อัล-อิสลาม ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทม์สเมื่อเดือน ก.ค. ว่า เวลานี้ตนเป็นอิสรชนที่มีสิทธิจะลงสมัครรับเลือกตั้งได้เช่นกัน ซึ่งก็หมายความว่าในศึกเลือกตั้งทั่วไปของลิเบียซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 24 ธ.ค. อาจจะมีชื่อของคนตระกูลกัดดาฟี กลับมาโลดแล่นในสังเวียนการเมืองอีกครั้ง
ที่มา : เอเอฟพี