นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ แห่งญี่ปุ่นประกาศเตรียมก้าวลงจากตำแหน่ง และจะไม่ลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อเปิดทางไปสู่การสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่
การตัดสินใจสละเก้าอี้ของ ซูงะ มีขึ้น หลังผลโพลล่าสุดพบว่าคะแนนนิยมของเขาร่วงต่ำสุดในช่วงเวลา 1 ปีของการบริหารประเทศ เนื่องจากชาวญี่ปุ่นมองว่ารัฐบาลบริหารจัดการวิกฤตโควิด-19 ผิดพลาด
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังเป็นสัญญาณเตือนว่าการเมืองญี่ปุ่นอาจกลับเข้าสู่ภาวะไร้เสถียรภาพอีกครั้ง เหมือนช่วงก่อนรัฐบาลนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ที่ญี่ปุ่นต้องมีการเปลี่ยนตัวผู้นำประเทศอยู่บ่อยๆ
“ตลอด 1 ปีที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมได้ทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มีเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศของเรา โดยเฉพาะมาตรการต่อสู้ไวรัสโคโรนา” ซูงะ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ผู้นำแดนปลาดิบย้ำว่า เขาตระหนักดีว่าการลงสมัครรับเลือกตั้งและการจัดการโรคระบาดใหญ่ล้วนเป็นภารกิจที่จะต้องใช้ “พลังอย่างมหาศาล”
“ผมรู้ตัวว่าไม่สามารถทำพร้อมกันทั้ง 2 อย่างได้ ผมจำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง”
โทชิฮิโระ นิกาอิ เลขาธิการพรรคแอลดีพี ยอมรับว่า “ตกใจ” เมื่อทราบว่า ซูงะ จะไม่ลงแข่งขันในศึกชิงผู้นำพรรคซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 29 ก.ย.
“มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ ท่านทำดีที่สุดแล้ว” นิกาอิ กล่าว
ซูงะ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปีที่แล้ว โดยมาแทนที่ อาเบะ ที่ตัดสินใจลาออกอย่างกะทันหันโดยอ้างปัญหาเรื่องสุขภาพ
ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายเชื่อว่า ซูงะ จะลงชิงผู้นำพรรคอีกสมัยอย่างแน่นอน และคำถามมีแค่เพียงว่าเขาจะประกาศวันเลือกตั้งทั่วไปเมื่อไหร่
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นจะหมดวาระดำรงตำแหน่งในวันที่ 21 ต.ค. ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีการประกาศเลือกตั้งภายในช่วงปลายเดือน ต.ค. และจัดการเลือกตั้งในอีก 1 เดือนต่อมา
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่าพรรคแอลดีพีคงจะได้เป็นรัฐบาลต่อ แต่อาจจะได้ที่นั่ง ส.ส. ลดลง สืบเนื่องจากกระแสความไม่พอใจผลงานของ ซูงะ
ผลสำรวจโดยสำนักข่าวเกียวโดเมื่อเดือน ส.ค. พบว่า คะแนนนิยมของรัฐบาลญี่ปุ่นลดเหลือแค่ 31.8% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่ ซูงะ ขึ้นเป็นนายกฯ
ที่มา : เอเอฟพี