องค์การอนามัยโลก (WHO) กำลังเฝ้าจับตาการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ “มิว” (Mu) ซึ่งมีการพบเป็นครั้งแรกที่โคลอมเบียเมื่อเดือน ม.ค.
WHO ระบุในรายงานสถานการณ์โรคระบาดประจำสัปดาห์วานนี้ (31 ส.ค.) ว่า ไวรัส “มิว” ซึ่งมีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า B.1.621 ถูกจัดเป็น “สายพันธุ์ที่ต้องได้รับความสนใจ” (variant of interest) เนื่องจากมีการกลายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อการดื้อวัคซีน และจำเป็นจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจไวรัสชนิดนี้
“ไวรัสสายพันธุ์มิวมีการกลายพันธุ์ในรูปแบบต่างๆ ที่บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน” รายงานของ WHO ระบุ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขกังวลว่าจะเกิดการกลายพันธุ์ใหม่ๆ ของเชื้อไวรัส เนื่องจากอัตราการติดเชื้อเริ่มกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีก โดยเวลานี้โควิด-19 ตัวกลายพันธุ์ “เดลตา” ได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่ยังไม่ได้รับวัคซีน รวมถึงในบางประเทศที่เริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มทางสังคม
ทั้งนี้ ไวรัสทุกชนิด รวมถึง SARS-CoV-2 ซึ่งก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ย่อมมีการกลายพันธุ์อยู่แล้วตามธรรมชาติ และการกลายพันธุ์ส่วนใหญ่ส่งผลเพียงเล็กน้อยหรืออาจจะไม่ส่งผลเลยต่อคุณสมบัติของตัวไวรัส แต่ก็มีการกลายพันธุ์ในบางรูปแบบที่ช่วยให้ไวรัสแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น ทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้น หรือทำให้เกิดการต่อต้านวัคซีนและตัวยารักษา
ปัจจุบันมีไวรัสโควิด-19 อยู่ 4 สายพันธุ์ที่ WHO จัดอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่ากังวล (variants of concern) หนึ่งในนั้นคือ “อัลฟา” ซึ่งพบการระบาดแล้วใน 193 ประเทศ และ “เดลตา” ที่กำลังระบาดใน 170 ประเทศทั่วโลก
สำหรับสายพันธุ์ “มิว” ที่พบครั้งแรกในโคลอมเบียถูกจัดให้เป็น 1 ใน 5 สายพันธุ์ที่ต้องได้รับความสนใจ และเวลานี้เริ่มมีรายงานผู้ติดเชื้อในกลุ่มประเทศแถบละตินอเมริกาและในยุโรป
WHO ระบุว่า สัดส่วนการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ “มิว” ทั่วโลกยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 0.1% ยกเว้นที่โคลอมเบียซึ่งการระบาดยังสูงถึง 39%
ที่มา : เอเอฟพี