xs
xsm
sm
md
lg

พิลึก! หญิงเบลเยียมอ้างตกหลุมรักกับชิมแปนซี สวนสัตว์ถึงขั้นห้ามเข้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้หญิงชาวเบลเยียมรายหนึ่ง ท้ายที่สุดแล้วก็ถูกห้ามเข้าไปเยี่ยมหาชิมแปนซีตัวหนึ่งที่สวนสัตว์ในเมืองอันทเวิร์ป หลังพวกเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์พิจารณาแล้วว่าทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากเกินไป ในขณะที่สตรีรายนี้อ้างว่าเธอและสัตว์หน้าขนตัวนี้ตกหลุมรักกันและกัน

เรื่องราวความรักอันแสนประหลาดกลายเป็นข่าวพาดหัวในสื่อมวลชนเบลเยียมแทบทุกแห่งเมื่อวันศุกร์ (20 ส.ค.) หลังสวนสัตว์อันทเวิร์ป ออกคำสั่งห้ามเข้า อาดี ทิมเมอร์มานส์ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสวนสัตว์แห่งนี้มาเป็นเวลานาน

ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทิมเมอร์มานส์ จะมาที่สวนสัตว์แห่งนี้เกือบทุกสุดสัปดาห์ และมักไปเยี่ยมชมสัตว์ตัวหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งก็คือชิมแปนซีวัย 38 ปีตัวหนึ่งที่ชื่อเจ้าชิตา จากนั้นทั้งสองก็สื่อสารกันผ่านกรงกระจก โบกไม้โบกมือและส่งจูบกันและกัน

รายงานข่าวระบุว่า ผู้หญิงรายนี้รู้สึกเศร้าอย่างมากต่อคำสั่งแบนของสวนสัตว์ โดยเธอให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนทั้งน้ำตาว่าเธอและชิมแปนซีตัวนี้ต่างทุกข์ทรมาน ที่ถูกบังคับให้แยกจากกัน "ฉันรักสัตว์ตัวนี้และเขาก็รักฉัน ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ทำไมพวกเขาต้องพรากมันไปด้วย" เธอกล่าว และหลุดประโยคพิลึกว่า "เรามีสัมพันธ์กัน"

ส่วนทางสวนสัตว์โต้แย้งว่าการมีปฏิสัมพันธ์สัมพันธ์กับมนุษย์เป็นเวลานาน โดยเฉพาะกับ ทิมเมอร์มานส์ จะเป็นอันตรายต่อสัตว์ เนื่องจากมันจะทำลายสถานะของเจ้าชิตากับชิมแปนซีตัวอื่นๆ ในฝูงที่อาศัยอยู่ร่วมกัน

"เมื่อชิตามัวแต่ง่วนอยู่กับพวกนักท่องเที่ยว ชิมแปนซีตัวอื่นๆ ก็จะละทิ้งมันและไม่มองมันเป็นส่วนหนึ่งของฝูงอีกต่อไป" สวนสัตว์ระบุ

อย่างไรก็ตาม ทิมเมอร์มานส์ เชื่อว่าคำสั่งของสวนสัตว์นั้นไม่ยุติธรรม เธอโต้แย้งว่าชิมแปนซีตัวนี้ไม่ได้ตอบโต้สื่อสารอย่างกระตือรือร้นกับเธอคนเดียวเท่านั้น แต่มันก็มีปฏิสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เช่นกัน "นักท่องเที่ยวคนอื่นหลายสิบคนได้รับอนุญาตให้ตอบโต้สื่อสารกับมัน แต่ทำไมฉันถึงไม่ได้รับอนุญาต"

ชิตาเคยเป็นสัตว์เลี้ยงมาก่อน เมื่อตัวใหญ่เกินไปและไม่สามารถจัดการได้ เจ้าของนำมาบริจาคให้สวนสัตว์เมื่อ 30 ปีก่อน มันเรียนรู้พฤติกรรมของลิงชิมแปนซีเมื่อมาอยู่สวนสัตว์ แต่ความสนใจในคนยังคงอยู่

การปรับตัวเข้ากับลิงชิมแปนซีตัวอื่นๆ ไม่ง่าย และมีการต่อสู้กันหลายต่อหลายครั้ง

(ที่มา : รัสเซียทูเดย์)


กำลังโหลดความคิดเห็น