น้ำมันลงแรง-ทองพุ่งหลังพบ ศก.จีนอ่อนแอ หุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสาน

ราคาน้ำมันขยับลงแรงในวันจันทร์ (16 ส.ค.) จากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก ปัจจัยนี้ดันราคาทองคำดีดตัว ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสาน จับตารายงานผลประกอบการบริษัทและตัวเลขทางเศรษฐกิจสำคัญๆ ที่จะเผยแพร่ออกมาในสัปดาห์นี้

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 67.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

จีน ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก รายงานเมื่อวันจันทร์ (16 ส.ค.) กิจกรรมภาคอุตสาหกรรมและตัวเลขค้าปลีกอ่อนแอเกินคาดหมาย โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์น้ำมัน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์เดลตาที่ทำให้หลายพื้นที่ของจีนต้องกำหนดข้อจำกัดอันเข้มงวดอีกครั้ง

ความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก กระตุ้นให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำปรับขึ้น 2 วันติดในวันจันทร์ (16 ส.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 11.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,789.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (16 ส.ค.) แกว่งตัวกลับมาปิดผสมผสาน แต่ดาวโจนส์และเอสแอนด์พี500 ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง จับตารายงานผลประกอบการของริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่และข้อมูลทางเศรษฐกิจสำคัญที่จะมีการเผยแพร่ออกมา

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 110.02 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 35,625.40 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 11.71 จุด (0.26 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,479.71 จุด แนสแดค ลดลง 29.14 จุด (0.35 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,793.76 จุด

ดัชนีหลักทั้ง 3 เปิดตลาดในแดนลบจากความกังวลต่อข้อมูลเศรษฐกิจจีนและความคาดหมายว่าธนนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะแถลงลดระดับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม พอเวลาผ่านไปได้มีแรงช้อนซื้อเข้ามาในตลาด ผลักให้ดาวโจนส์และเอสแอนด์พีปิดบวก

ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างวอลมาร์ทและโฮม ดีโปต์ เช่นเดียวกับข้อมูลค้าปลีกและการเริ่มก่อสร้างบ้านในสหรัฐฯ ประจำเดือนกรกฎาคม

ขณะเดียวกัน จะมีการเผยแพร่รายงาน (minutes) จากที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงินของเฟดประจำเดือนกรกฎาคม ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวทางลดระดับโครงการเข้าซื้อพันธบัตรอย่างมโหฬารของธนาคารกลางแห่งนี้

นอกจากนี้แล้ว ตลาดยังจับตาไปที่สถานการณ์ในอัฟกานิสถาน แต่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่า มันไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญใดๆ ต่อการซื้อขาย

(ที่มา : รอยเตอร์)